ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันพฤหัสบดี (18 พ.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย รวมทั้งความคืบหน้าในการเจรจาปรับเพิ่มเพดานหนี้ของสหรัฐ
ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.68% แตะที่ระดับ 103.5793
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 138.6390 เยน จากระดับ 137.5880 เยนในวันพุธ (17 พ.ค.) ขณะเดียวกันก็แข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9050 ฟรังก์ จากระดับ 0.8986 ฟรังก์, แข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3510 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3450 ดอลลาร์แคนาดา และแข็งค่าเมื่อเทียบกับโครนาสวีเดน ที่ระดับ 10.5839 โครนา จากระดับ 10.4527 โครนา
ส่วนยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.0767 ดอลลาร์ จากระดับ 1.0838 ดอลลาร์ในวันพุธ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 1.2404 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2484 ดอลลาร์
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 22,000 ราย สู่ระดับ 242,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 254,000 ราย
นักลงทุนมองว่าข้อมูลดังกล่าวบ่งชี้ถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและตลาดแรงงาน และผลักดันให้เฟดเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ขณะที่นางลอรี โลแกน ประธานเฟดสาขาดัลลัสกล่าวว่า ข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุดไม่ได้สนับสนุนให้เฟดชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนมิ.ย.
ทั้งนี้ ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 36.7% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 5.25-5.50% ในการประชุมวันที่ 13-14 มิ.ย. หลังจากที่เมื่อสัปดาห์ที่แล้วให้น้ำหนักเพียง 10.7%
นอกจากนี้ ความคืบหน้าในการเจรจาเพดานหนี้ยังเป็นปัจจัยหนุนดอลลาร์เช่นกัน โดยนายเควิน แมคคาร์ธี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐได้แสดงความเชื่อมั่นว่าสหรัฐจะไม่ผิดนัดชำระหนี้ โดยขณะนี้คณะทำงานของทำเนียบขาวและสภาคองเกรสมีความคืบหน้าในการเจรจา และมีความเป็นไปได้ที่จะมีการบรรลุข้อตกลงภายในปลายสัปดาห์นี้ ก่อนที่สภาผู้แทนราษฎรจะจัดการลงมติในญัตติดังกล่าวในสัปดาห์หน้า