ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา อุตสาหกรรมคริปโทเคอร์เรนซีเผชิญกับปัญหารุมเร้า อาทิ การล้มละลายของบริษัทคริปโทฯ หลายแห่ง การจับกุมตัวนายแซม แบงก์แมน-ฟรีด ผู้ก่อตั้งบริษัทเอฟทีเอ็กซ์ และการที่บริษัทไบแนนซ์ซึ่งเป็นบริษัทคริปโทฯ รายใหญ่ที่สุดของโลกถูกฟ้องร้องโดยหน่วยงานกำกับดูแลด้านกฎระเบียบของสหรัฐ
แต่แม้ว่าตลาดคริปโทฯ เผชิญกับความปั่นป่วนดังกล่าว ราคาบิตคอยน์ซึ่งเป็นสกุลเงินคริปโทฯ ใหญ่ที่สุด ก็ยังคงปรับตัวขึ้น 65% แล้วในปีนี้ โดยแซงหน้าดัชนี S&P500 ซึ่งเพิ่มขึ้นราว 7% ขณะที่ดัชนี Nasdaq ปรับตัวขึ้นเพียง 1 ใน 4 ของราคาบิตคอยน์ที่เพิ่มขึ้น
บรรดานักวิเคราะห์กล่าวว่า ในความเป็นจริงแล้ว บิตคอยน์ได้ประโยชน์จากวิกฤตการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในตลาดคริปโทฯ เนื่องจากความปั่นป่วนในตลาดทำให้นักลงทุนเทขายเหรียญคริปโทฯ ที่ไม่เป็นที่นิยม และแห่มาซื้อบิตคอยน์ซึ่งเป็นที่รู้จักกันมากกว่า
นอกจากนี้ บิตคอยน์ยังได้แรงหนุนจากปัจจัยด้านเศรษฐกิจ อาทิ ปัญหาที่เกิดในระบบการเงิน และการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่ชะลอลง
แคลลี่ ค็อกซ์ นักวิเคราะห์ของอีโทโร (eToro) ซึ่งเป็นบริษัทด้านการลงทุนเปิดเผยกับเอบีซี นิวส์ว่า ความปั่นป่วนของตลาดคริปโทฯ ในปีที่ผ่านมาทำให้นักลงทุนเปลี่ยนไปซื้อสกุลเงินดิจิทัลที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันเป็นอย่างดี
"บิตคอยน์ได้ประโยชน์จากการโยกย้ายการลงทุนภายในอุตสาหกรรมคริปโทฯ เพราะบิตคอยน์เป็นเหรียญดิจิทัลที่หลายคนรู้จัก"
เจมส์ บัตเตอร์ฟิล หัวหน้าฝ่ายวิจัยของคอยน์แชร์ซึ่งเป็นบริษัทจัดการสินทรัพย์ดิจิทัลแสดงความเห็นในประเด็นนี้ว่า "นักลงทุนมีวิจารณญาณมากขึ้น มีเหรียญคริปโทฯ ในตลาดมากถึง 50,000 ชนิด และส่วนใหญ่เป็นขยะ"
บัตเตอร์ฟิลระบุว่า อีเธอเรียมซึ่งเป็นเหรียญคริปโทฯ ใหญ่ที่สุดอันดับสองของโลกรองจากบิตคอยน์ พุ่งขึ้น 52% แล้วในปีนี้ โดยได้แรงหนุนจากการแห่ซื้อเหรียญคริปโทฯ ซึ่งเป็นที่นิยมด้วยเช่นกัน
บรรดาผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า การปรับตัวขึ้นของราคาบิตคอยน์สอดคล้องกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่ดีขึ้น เนื่องจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และความวุ่นวายที่เกิดขึ้นในระบบธนาคารทำให้นักลงทุนบางรายหันไปลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล
นับตั้งแต่เดือนมี.ค.ที่ผ่านมา ธนาคารรายใหญ่ที่สุดของสหรัฐ 3 แห่งในจำนวน 30 แห่งได้ยุติการดำเนินงาน ซึ่งบ่งชี้ถึงความไร้เสถียรภาพทางการเงิน
"เมื่อระบบธนาคารเผชิญความเสี่ยง นักลงทุนจำนวนมากมีเหตุผลที่จะไม่แน่ใจเกี่ยวกับระบบการเงิน และพวกเขากำลังมองหาทางเลือกอื่น ๆ" คอกซ์จากอีโทโรระบุ
บรรดาผู้เชี่ยวชาญคาดว่า ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอนหรือถดถอยนั้น บิตคอยน์มักจะปรับตัวได้ดี เนื่องจากนักลงทุนจะหันมาลงทุนในบิตคอยน์ซึ่งพวกเขามองว่าเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย และเป็นอีกทางเลือกในการลงทุน
นอกจากนี้ การที่เหรียญบิตคอยน์มีปริมาณจำกัดที่ระดับสูงสุดราว 21 ล้านเหรียญนั้น อาจหนุนมูลค่าของบิตคอยน์โดยเฉพาะเมื่อความต้องการเพิ่มสูงขึ้น
บิตคอยน์เป็นแหล่งลงทุนที่น่าดึงดูดใจของนักลงทุน เพราะการซื้อขายแลกเปลี่ยนบิตคอยน์ทำได้ผ่านทางเครือข่ายแบบกระจายศูนย์ (Decentralized System) และไม่ได้ถูกควบคุมด้วยระบบของหน่วยงานกลางหรือรัฐบาล
นักลงทุนยังมองว่าบิตคอยน์เป็นสินทรัพย์ที่มีกลไกในการปกป้องความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อ และจะไม่ได้รับผลกระทบจากนโยบายการเงิน
นอกจากนี้ การที่บิตคอยน์แสดงถึงความผันผวนของราคาอย่างมากในอดีตที่ผ่านมา ได้สร้างโอกาสสำหรับเทรดเดอร์และนักลงทุนในการทำกำไร ซึ่งก็อาจทำให้ความต้องการลงทุนในบิตคอยน์เพิ่มขึ้นเพื่อการเก็งกำไร
อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า ตลาดคริปโทเคอร์เรนซีมีการเก็งกำไรในระดับสูง และอาจได้รับอิทธิพลจากปัจจัยต่าง ๆ การปรับตัวของบิตคอยน์จึงไม่อาจรับประกันได้ ดังนั้น นักลงทุนควรใช้ความระมัดระวัง และทำการศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุนในบิตคอยน์