ดอลลาร์อ่อนค่าเทียบสกุลเงินหลัก ขณะที่นักลงทุนคาดว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนนี้
นอกจากนี้ นักลงทุนลดการถือครองดอลลาร์ในฐานะสกุลเงินปลอดภัย หลังคลายความกังวลเกี่ยวกับการผิดนัดชำระหนี้ของสหรัฐ
ณ เวลา 20.56 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลบ 0.45% สู่ระดับ 103.86 ขณะที่ดอลลาร์ร่วงลง 0.36% สู่ระดับ 1.073 เทียบยูโร และอ่อนค่า 0.28% สู่ระดับ 138.94 เยน
นักลงทุนเพิ่มน้ำหนักต่อคาดการณ์ที่ว่า เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนมิ.ย. หลังเจ้าหน้าที่เฟดส่งสัญญาณสนับสนุนให้เฟดระงับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมดังกล่าว
ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 70.4% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5.00-5.25% ในการประชุมวันที่ 13-14 มิ.ย. และให้น้ำหนักเพียง 29.6% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 5.25-5.50%
นายแพทริก ฮาร์เกอร์ ประธานเฟด สาขาฟิลาเดลเฟีย และนายฟิลิป เจฟเฟอร์สัน ว่าที่รองประธานเฟด เป็นเจ้าหน้าที่เฟด 2 รายล่าสุดซึ่งส่งสัญญาณสนับสนุนให้เฟดระงับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมรอบนี้
"ผมอยู่ในกลุ่มซึ่งคิดว่าเราควรระงับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้" นายฮาร์เกอร์กล่าว และเสริมว่า "ตัวเลขการจ้างงานสหรัฐในวันศุกร์อาจเปลี่ยนใจผมได้"
ส่วนนายเจฟเฟอร์สันกล่าวว่า "การระงับปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมิ.ย.จะช่วยให้ FOMC เห็นข้อมูลมากขึ้น ก่อนที่จะทำการตัดสินใจเกี่ยวกับขอบเขตการใช้นโยบายคุมเข้มทางการเงินต่อไป"
นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับการผิดนัดชำระหนี้ของสหรัฐ หลังสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐให้การอนุมัติร่างกฎหมายขยายเพดานหนี้วานนี้
หากวุฒิสภาให้ความเห็นชอบร่างกฎหมายดังกล่าว ซึ่งมีชื่อว่า "พ.ร.บ.ความรับผิดชอบทางการคลัง" (Fiscal Responsibility Act) ก็จะส่งต่อให้ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ ลงนามเป็นกฎหมายเพื่อให้มีผลบังคับใช้ต่อไป
ทั้งนี้ กระบวนการผ่านร่างกฎหมายฉบับนี้จะต้องเสร็จสิ้นก่อนเส้นตายวันที่ 5 มิ.ย. มิฉะนั้นสหรัฐจะเผชิญกับการผิดนัดชำระหนี้ครั้งประวัติศาสตร์
ขณะเดียวกัน ตลาดจับตาตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรในวันพรุ่งนี้
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานเพิ่มขึ้นเพียง 180,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ค. โดยชะลอตัวจากระดับ 253,000 ตำแหน่งในเดือนเม.ย.
นอกจากนี้ คาดว่าอัตราว่างงานจะปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 3.5% ในเดือนพ.ค. จากระดับ 3.4% ในเดือนเม.ย.