ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันพุธ (12 ก.ค.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ชะลอตัวลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบกว่า 2 ปี ซึ่งทำให้ตลาดคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ใกล้จะยุติวงจรการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ร่วงลง 1.19% สู่ระดับ 100.5220 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบกว่า 1 ปี และเป็นการดิ่งลงในวันเดียวที่รุนแรงที่สุดนับตั้งแต่ต้นเดือนก.พ.ปีนี้
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 138.3180 เยน จากระดับ 140.4630 เยนในวันอังคาร (11 ก.ค.) ขณะเดียวกันก็อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.8670 ฟรังก์ จากระดับ 0.8799 ฟรังก์, อ่อนค่าเมื่อเทียบกับโครนาสวีเดน ที่ระดับ 10.3800 โครนา จากระดับ 10.6696 โครนา และอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3192 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3239 ดอลลาร์แคนาดา
ส่วนยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1137 ดอลลาร์ จากระดับ 1.0999 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 1.2991 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2928 ดอลลาร์
ดอลลาร์อ่อนค่าลง หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนี CPI ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค ปรับตัวขึ้น 3.0% ในเดือนมิ.ย. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบกว่า 2 ปี และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 3.1% จากระดับ 4.0% ในเดือนพ.ค.
ส่วนดัชนี CPI พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 4.8% ในเดือนมิ.ย. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 5.0% จากระดับ 5.3% ในเดือนพ.ค.
ค่าเงินดอลลาร์แคนาดาแข็งค่าขึ้น หลังจากธนาคารกลางแคนาดาประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 5.00% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2544 ในการประชุมนโยบายการเงินเมื่อวานนี้ สอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
นอกจากนี้ ธนาคารกลางปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจในไตรมาส 2 สู่ระดับ 1.5% จากเดิมคาดการณ์ที่ระดับ 1.0% และปรับเพิ่มคาดการณ์การขยายตัวในปี 2566 สู่ระดับ 1.8% จากเดิมคาดการณ์ที่ระดับ 1.4%