ดอลลาร์แข็งค่าเทียบสกุลเงินหลัก ขณะที่นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด), ธนาคารกลางยุโรป (ECB) และธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ในสัปดาห์นี้
ณ เวลา 21.16 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน บวก 0.21% สู่ระดับ 101.28 ขณะที่ดอลลาร์ดีดตัวขึ้น 0.41% สู่ระดับ 1.108 เทียบยูโร และอ่อนค่า 0.36% สู่ระดับ 141.27 เยน
ทั้งนี้ เฟดจะจัดการประชุมในวันที่ 25-26 ก.ค. ส่วน ECB จะจัดการประชุมในวันที่ 27 ก.ค. ปิดท้ายด้วย BOJ ซึ่งจัดการประชุมวันที่ 27-28 ก.ค.
*เฟด
นักลงทุนเทน้ำหนักเกือบ 100% ในการคาดการณ์ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในสัปดาห์นี้
ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 99.8% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 5.25-5.50% ในการประชุมวันที่ 25-26 ก.ค. และให้น้ำหนักเพียง 0.2% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5.00-5.25%
นอกจากนี้ ตลาดมองว่าเฟดใกล้ยุติวงจรปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หลังการเปิดเผยยอดค้าปลีก, ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ที่ต่ำกว่าคาด โดยนักลงทุนคาดการณ์ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนนี้เป็นครั้งสุดท้ายในปีนี้ และจะคงอัตราดอกเบี้ยในช่วงที่เหลือของปี ก่อนที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีหน้า
ทั้งนี้ นักลงทุนให้น้ำหนัก 39.9% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 5.00-5.25% ในการประชุมวันที่ 19-20 มี.ค.2567 โดยให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นจากระดับ 32.9% เมื่อเดือนที่แล้ว
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ECB จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมนโยบายการเงินในวันพฤหัสบดีที่ 27 ก.ค.เพื่อสกัดเงินเฟ้อ
อย่างไรก็ดี ตลาดจับตาการส่งสัญญาณทิศทางอัตราดอกเบี้ยของ ECB ว่าจะยุติการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในวัฏจักรปัจจุบันตามเฟดหรือไม่ หลังการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจที่อ่อนแอของยูโรโซนในวันนี้
ทั้งนี้ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิตและบริการเบื้องต้นของยูโรโซน ร่วงลงสู่ระดับ 48.9 ในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 8 เดือน และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 49.7 จากระดับ 49.9 ในเดือนมิ.ย.
ดัชนี PMI ยังคงอยู่ต่ำกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ว่ากิจกรรมทางธุรกิจของยูโรโซนยังคงอยู่ในภาวะหดตัว
นอกจากนี้ ดัชนี PMI ภาคการผลิตเบื้องต้น ร่วงลงสู่ระดับ 42.7 ในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 38 เดือน และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 43.5 จากระดับ 43.4 ในเดือนมิ.ย. โดยดัชนียังคงอยู่ต่ำกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ว่าภาคการผลิตของยูโรโซนยังคงอยู่ในภาวะหดตัว
ส่วนดัชนี PMI ภาคบริการเบื้องต้น ร่วงลงสู่ระดับ 51.1 ในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 6 เดือน และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 51.5 จากระดับ 52.0 ในเดือนมิ.ย. แต่ดัชนียังคงอยู่สูงกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ว่า ภาคบริการของยูโรโซนยังคงมีการขยายตัว
"ดัชนี PMI ในวันนี้บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจมหภาคกำลังย่ำแย่ลง และกำลังลุกลามจากภาคการผลิตไปยังภาคอื่นๆ โดยเราคาดว่าความเสี่ยงกำลังเพิ่มมากขึ้นที่เศรษฐกิจจะเผชิญภาวะหดตัวในไตรมาส 3" นายเปาโล กรีจานนี นักวิเคราะห์จากออกซ์ฟอร์ด อิโคโนมิกส์กล่าว
ทั้งนี้ เศรษฐกิจยูโรโซนเผชิญภาวะถดถอยทางเทคนิคในช่วงต้นปีนี้ และมีการคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจะมีการขยายตัวเพียง 1% ในปีนี้
*BOJ
ญี่ปุ่นเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานพุ่งขึ้น 3.3% ในเดือนมิ.ย. เมื่อเทียบรายปี สูงกว่าเป้าหมายของ BOJ ที่ระดับ 2% เป็นเดือนที่ 15 ติดต่อกัน ส่งผลให้มีการคาดการณ์ว่า BOJ อาจปรับนโยบายการเงินในสัปดาห์นี้
อย่างไรก็ดี ล่าสุด สื่อเปิดเผยว่า BOJ อาจคงนโยบายการเงินในการประชุมรอบนี้ สอดคล้องกับการประชุมครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 16 มิ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่ง BOJ มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ -0.1% และคงนโยบายควบคุมเส้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตร (yield curve control program) รวมทั้งคงอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่นประเภทอายุ 10 ปีที่ระดับ 0%