ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันพุธ (2 ส.ค.) ขานรับรายงานที่ว่าภาคเอกชนของสหรัฐมีการจ้างงานสูงกว่าคาดในเดือนก.ค. ขณะที่นักลงทุนจับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐในวันพรุ่งนี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.28% แตะที่ 102.5877
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.8772 ฟรังก์ จากระดับ 0.8755 ฟรังก์ในวันอังคาร (1 ส.ค.) ขณะเดียวกันก็แข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3342 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3291 ดอลลาร์แคนาดา และแข็งค่าเมื่อเทียบกับโครนาสวีเดน ที่ระดับ 10.7123 โครนา จากระดับ 10.6123 โครนา แต่ดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 143.2550 เยน จากระดับ 143.3900 เยน
ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.0943 ดอลลาร์ จากระดับ 1.0974 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 1.2721 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2772 ดอลลาร์
ดอลลาร์แข็งค่าตามทิศทางอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ หลังจากออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) เปิดเผยว่า การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐเพิ่มขึ้น 324,000 ตำแหน่งในเดือนก.ค. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 175,000 ตำแหน่ง โดยได้แรงหนุนจากการเพิ่มขึ้นของตัวเลขจ้างงานในธุรกิจโรงแรม ร้านอาหาร และธุรกิจอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
ในช่วงแรกนั้น ดอลลาร์อ่อนค่าลง หลังจากฟิทช์ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐ ลงสู่ระดับ AA+ จากระดับ AAA โดยระบุถึงสถานะการคลังของสหรัฐที่มีแนวโน้มถดถอยลงในช่วง 3 ปีข้างหน้า และภาระหนี้สินที่สูงขึ้น
นักลงทุนจับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรจากกระทรวงแรงงานสหรัฐในวันพรุ่งนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานจะเพิ่มขึ้น 200,000 ตำแหน่งในเดือนก.ค. หลังจากที่เพิ่มขึ้น 209,000 ตำแหน่งในเดือนมิ.ย. และคาดว่าอัตราว่างงานจะทรงตัวที่ระดับ 3.6% ในเดือนก.ค.