ณ เวลา 19.55 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน บวก 0.36% สู่ระดับ 103.21 ขณะที่ดอลลาร์อ่อนค่า 0.37% สู่ระดับ 1.0908 เทียบยูโร และแข็งค่า 0.28% สู่ระดับ 145.34 เยน
ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ยังคงยึดนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายพิเศษ (Ultra-easy policy) ขณะที่ธนาคารกลางประเทศอื่น ๆ ทั่วโลกต่างปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ส่งผลให้เงินเยนอ่อนค่าลงหนักเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่น
นักวิเคราะห์ของเอชเอสบีซีคาดการณ์ว่า กระทรวงการคลังญี่ปุ่นอาจจะเข้าแทรกแซงตลาดด้วยการพยุงค่าเงินเยนให้กลับสู่กรอบ 145-148 เยนต่อดอลลาร์ เช่นเดียวกับในเดือนก.ย. 2565 ที่รัฐบาลญี่ปุ่นและ BOJ เข้าแทรกแซงตลาดด้วยการซื้อเงินเยนที่ระดับ 145 เยนต่อดอลลาร์ และคาดว่าหากทางการญี่ปุ่นไม่เข้าแทรกแซงตลาด ก็อาจจะทำให้นักลงทุนหันมาขายชอร์ตเงินเยนอีกครั้ง
ด้านเงินรูเบิลแตะระดับ 101.04 รูเบิลต่อดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นการอ่อนค่ามากที่สุดในรอบเกือบ 17 เดือน โดยมีสาเหตุหลักมาจากยอดเกินดุลบัญชีเดินสะพัดของรัสเซียหดตัวลงแรง เนื่องจากรายได้จากการส่งออกพลังงานลดลง และรัฐบาลรัสเซียยังคงใช้จ่ายเงินจำนวนมากไปกับการทำสงครามในยูเครน
นักวิเคราะห์คาดว่า นักลงทุนจะแห่เข้าซื้อดอลลาร์สหรัฐเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยเนื่องจากวิตกภาวะเศรษฐกิจโลกโดยเฉพาะจีน หลังจากที่หุ้นกู้ในประเทศ (Onshore Bond) ของคันทรี การ์เดน หนึ่งในบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เอกชนรายใหญ่ที่สุดของจีน ถูกระงับการซื้อขาย
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยข้อมูลการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนก.ค.ของจีนและ GDP ไตรมาส 2/2566 ของญี่ปุ่นในวันพรุ่งนี้ (15 ส.ค.) ตามมาด้วยอัตราเงินเฟ้อเดือนก.ค.ของอังกฤษในวันพุธ (16 ส.ค.) และคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) เปิดเผยรายงานการประชุมวันที่ 25-26 ก.ค. ในวันพฤหัส (17 ส.ค.) ก่อนจะปิดท้ายด้วยอัตราเงินเฟ้อเดือนก.ค.ของญี่ปุ่นในวันศุกร์ (18 ส.ค.)