ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันจันทร์ (14 ส.ค.) หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐพุ่งขึ้น ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงยอดค้าปลีกประจำเดือนก.ค. เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.34% แตะที่ 103.1898
ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.0904 ดอลลาร์ จากระดับ 1.0950 ดอลลาร์ในวันศุกร์ (11 ส.ค.) ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 1.2675 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2696 ดอลลาร์
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 145.5120 เยน จากระดับ 144.9670 เยนในวันศุกร์ ขณะเดียวกันก็แข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.8790 ฟรังก์ จากระดับ 0.8763 ฟรังก์ และแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3469 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3449 ดอลลาร์แคนาดา แต่ดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับโครนาสวีเดน ที่ระดับ 10.8109 โครนา จากระดับ 10.8314 โครนา
ดอลลาร์แข็งค่าขึ้น หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีพุ่งขึ้นแตะระดับ 4.20% เมื่อคืนนี้ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย. 2565
ส่วนเงินเยนอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่อง และส่งผลให้เกิดการคาดการณ์ว่ารัฐบาลญี่ปุ่นอาจจะเข้าแทรกแซงตลาดปริวรรตเงินตรา
นักวิเคราะห์ของเอชเอสบีซีคาดการณ์ว่า กระทรวงการคลังญี่ปุ่นอาจจะเข้าแทรกแซงตลาดด้วยการพยุงค่าเงินเยนให้กลับสู่กรอบ 145-148 เยนต่อดอลลาร์ เช่นเดียวกับในเดือนก.ย. 2565 ที่รัฐบาลญี่ปุ่นและ BOJ เข้าแทรกแซงตลาดด้วยการซื้อเงินเยนที่ระดับ 145 เยนต่อดอลลาร์ และคาดว่าหากทางการญี่ปุ่นไม่เข้าแทรกแซงตลาด ก็อาจจะทำให้นักลงทุนหันมาขายชอร์ตเงินเยนอีกครั้ง
นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ รวมทั้งรายงานการประชุมวันที่ 25-26 ก.ค.ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟด