ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันอังคาร (5 ก.ย.) โดยได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนเข้าซื้อดอลลาร์ในฐานะสกุลเงินปลอดภัย ท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจโลก หลังมีการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของจีนและยุโรป
ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.66% แตะที่ระดับ 104.8080
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 147.7660 เยน จากระดับ 146.4900 เยน ขณะเดียวกันก็แข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.8896 ฟรังก์ จากระดับ 0.8842 ฟรังก์, แข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3638 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3593 ดอลลาร์แคนาดา และแข็งค่าเมื่อเทียบกับโครนาสวีเดน ที่ระดับ 11.1026 โครนา จากระดับ 11.0071 โครนา
ส่วนยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์ ที่ระดับ 1.0721 ดอลลาร์ จากระดับ 1.0795 ดอลลาร์ และเงินปอนด์อ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 1.2566 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2631 ดอลลาร์
นักลงทุนเข้าซื้อดอลลาร์ในฐานสกุลเงินปลอดภัย หลังจากไฉซิน/เอสแอนด์พี โกลบอลเปิดเผยผลสำรวจระบุว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเดือนส.ค.ของจีนอยู่ที่ระดับ 51.8 ลดลงจากระดับ 54.1 ในเดือนก.ค. โดยดัชนี PMI เดือนส.ค.ถือเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 8 เดือนหรือนับตั้งแต่เดือนธ.ค. 2565 เนื่องจากการชะลอตัวของอุปสงค์ยังคงส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจไม่สามารถทำให้การอุปโภคบริโภคฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญ
ส่วนดัชนี PMI รวมภาคการผลิตและบริการขั้นสุดท้ายของยูโรโซนร่วงลงสู่ระดับ 46.7 ในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.2563 และต่ำกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ภาวะหดตัวของกิจกรรมทางธุรกิจ โดยเป็นการหดตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3
นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐในวันนี้ ซึ่งได้แก่ ดุลการค้าเดือนก.ค., ดัชนีภาคบริการเดือนส.ค.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) และรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ หรือ Beige Book จากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)