ดอลลาร์พลิกแข็งค่าเทียบสกุลเงินหลัก หลังอ่อนค่าในช่วงแรก โดยดอลลาร์ได้ปัจจัยหนุนจากการเปิดเผยดัชนีภาคบริการของสหรัฐที่แข็งแกร่ง
ณ เวลา 21.32 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน บวก 0.15% สู่ระดับ 104.95 ขณะที่ดอลลาร์แข็งค่า 0.12% สู่ระดับ 1.071 เทียบยูโร และดีดตัว 0.11% สู่ระดับ 147.54 เยน
สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคบริการของสหรัฐปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 54.5 ในเดือนส.ค. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 52.5 จากระดับ 52.7 ในเดือนก.ค.
ดัชนีอยู่สูงกว่าระดับ 50 บ่งชี้การขยายตัวในภาคบริการของสหรัฐ โดยเป็นการขยายตัวติดต่อกัน 8 เดือน
นอกจากนี้ ดอลลาร์ได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า การพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันจะเป็นปัจจัยหนุนให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ
นายโมฮาเหม็ด เอล-เอเรียน นักเศรษฐศาสตร์จากอลิอันซ์ กล่าวว่า การพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันจะหนุนให้อัตราเงินเฟ้อดีดตัวขึ้น และเมื่อพิจารณาร่วมกับเศรษฐกิจสหรัฐที่แข็งแกร่งกว่าที่คาดไว้ สิ่งนี้จะมีผลกระทบต่อการตัดสินใจด้านอัตราดอกเบี้ยของเฟด
"เฟดจะไม่ขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนนี้ แต่จะเปิดกว้างสำหรับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในอนาคต" นายเอล-เอเรียนกล่าวต่อสำนักข่าว CNBC
ราคาน้ำมัน WTI ปิดพุ่งขึ้นวานนี้แตะระดับสูงสุดในรอบ 10 เดือน ขานรับข่าวซาอุดีอาระเบียและรัสเซียประกาศขยายเวลาการปรับลดอุปทานน้ำมันโดยสมัครใจจนถึงสิ้นปี 2566
ทั้งนี้ ซาอุดีอาระเบียประกาศขยายเวลาปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันโดยสมัครใจจำนวน 1 ล้านบาร์เรล/วันจนถึงสิ้นปีนี้ ขณะที่รัสเซียขยายเวลาปรับลดการส่งออกน้ำมันสู่ระดับ 300,000 บาร์เรล/วันจนถึงสิ้นปีนี้เช่นกัน
ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาแอตแลนตา เปิดเผยว่า แบบจำลองคาดการณ์ GDPNow ล่าสุดแสดงให้เห็นว่า เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัว 5.6% ในไตรมาส 3/2566 หลังจากมีการขยายตัว 2.0% และ 2.1% ในไตรมาส 1 และ 2 ตามลำดับ
ตลาดจับตาการเปิดเผยรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ หรือ Beige Book จากเฟดในคืนนี้ ซึ่งจะบ่งชี้ภาวะเศรษฐกิจสหรัฐ
ทั้งนี้ Beige Book เป็นรายงานซึ่งจะมีการเปิดเผยก่อนการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด (FOMC) เป็นเวลา 2 สัปดาห์ โดยเป็นการประเมินภาวะเศรษฐกิจจากเจ้าหน้าที่เฟดซึ่งประจำอยู่ใน 12 เขตของสหรัฐ
นอกจากนี้ Beige Book เป็นรายงานที่มีการรวบรวมข้อมูลจากมุมมองของผู้นำธุรกิจ รวมทั้งนักเศรษฐศาสตร์และนายธนาคารในภูมิภาค ทำให้ Beige Book สามารถสะท้อนภาวะเศรษฐกิจสหรัฐในวงกว้าง