ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันศุกร์ (13 ต.ค.) หลังผลสำรวจความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐบ่งชี้ว่า ภาคครัวเรือนคาดว่าอัตราเงินเฟ้อจะเพิ่มขึ้นในปีหน้า ซึ่งตอกย้ำการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจำเป็นที่จะต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก
ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.05% แตะที่ระดับ 106.6424
ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับยูโร, ปอนด์และโครนาสวีเดน แต่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเยน, ฟรังก์สวิส และดอลลาร์แคนาดา
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าแตะ 149.5050 เยนในวันศุกร์ (13 ต.ค.) จาก 149.8170 เยนในวันพฤหัสบดี (12 ต.ค.), อ่อนค่าลงแตะ 0.9012 ฟรังก์สวิส จาก 0.9086 ฟรังก์สวิส และอ่อนค่าลงแตะ 1.3658 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3692 ดอลลาร์แคนาดา แต่ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นแตะ 11.0126 โครนาสวีเดน จาก 10.9933 โครนาสวีเดน
ส่วนยูโรอ่อนค่าลงแตะ 1.0511 ดอลลาร์สหรัฐในวันศุกร์ (13 ต.ค.) จาก 1.0527 ดอลลาร์ในวันพฤหัสบดี (12 ต.ค.) และปอนด์อ่อนค่าลงแตะ 1.2135 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.2174 ดอลลาร์สหรัฐ
มหาวิทยาลัยมิชิแกนเปิดเผยผลสำรวจในวันศุกร์ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐปรับตัวลงสู่ระดับ 63 ในเดือนต.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค. โดยลดลงจากระดับ 68.1 ในเดือนก.ย. และยังลดลงมากกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ซึ่งคาดว่าจะขยับลงแตะ 67.4
นอกจากนี้ ผู้บริโภคคาดการณ์ว่าเงินเฟ้อจะเพิ่มขึ้น 3.8% ในช่วง 1 ปีข้างหน้า จากระดับ 3.2% ในการสำรวจเดือนที่แล้ว ขณะเดียวกัน ผู้บริโภคคาดการณ์ว่าเงินเฟ้อในช่วง 5 ปีข้างหน้าจะเพิ่มขึ้น 3% จากระดับ 2.8% ในการสำรวจเดือนที่แล้ว
แถลงการณ์ระบุว่า ประชากรเกือบทุกกลุ่มมีความเชื่อมั่นลดลง ซึ่งสะท้อนให้เห็นผลกระทบจากเงินเฟ้อที่ยังคงปรากฏให้เห็นอย่างต่อเนื่อง