ดอลลาร์แข็งค่าเทียบสกุลเงินหลัก ขณะที่นักลงทุนจับตาเงินเฟ้อสหรัฐ รวมทั้งการที่สหรัฐอาจเผชิญการปิดหน่วยงานของรัฐบาล หรือชัตดาวน์ในสัปดาห์นี้
ณ เวลา 20.45 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน บวก 0.06% สู่ระดับ 105.93 ขณะที่ดอลลาร์ดีดตัว 0.12% สู่ระดับ 1.067 เทียบยูโร และแข็งค่า 0.20% สู่ระดับ 151.80 เยน
นักลงทุนจับตาท่าทีของทางการญี่ปุ่น หลังจากที่เยนดิ่งลงแตะ 151.80 เทียบดอลลาร์ในวันนี้ ใกล้ระดับต่ำสุดในรอบ 1 ปี
การอ่อนค่าอย่างหนักของเยน ทำให้มีการคาดการณ์ว่ารัฐบาลญี่ปุ่นอาจเข้าแทรกแซงตลาดเพื่อสกัดการดิ่งลงของเยน
ทั้งนี้ เยนอ่อนค่าอย่างต่อเนื่อง หลังจากร่วงลงแตะ 151.43 เทียบดอลลาร์เมื่อวันศุกร์ ขานรับถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งส่งสัญญาณเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ
ดอลลาร์พุ่งขึ้น 1.39% เทียบเยนในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นการพุ่งขึ้นรายสัปดาห์มากที่สุดนับตั้งแต่เดือนส.ค.
ทั้งนี้ ดอลลาร์ได้รับปัจจัยบวกจากส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐและญี่ปุ่น จากการที่เฟดและธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ใช้นโยบายการเงินที่สวนทางกัน โดยเฟดจะยังคงคุมเข้มทางการเงินเพื่อสกัดเงินเฟ้อ ขณะที่ BOJ ใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินเป็นพิเศษ
ในปีที่แล้ว กระทรวงการคลังญี่ปุ่นทุ่มเงินรวม 6.8 หมื่นล้านดอลลาร์ในการเข้าแทรกแซงตลาดในวันที่ 22 ก.ย., 21 ต.ค. และ 24 ต.ค. หลังจากที่เยนดิ่งทะลุระดับ 151 เทียบดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 32 ปี หรือนับตั้งแต่ปี 2533
กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค ประจำเดือนต.ค.ในวันพรุ่งนี้
ทั้งนี้ ผลการสำรวจนักวิเคราะห์คาดว่า ดัชนี CPI ทั่วไป (Headline CPI) ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 3.3% ในเดือนต.ค. เมื่อเทียบรายปี จากระดับ 3.7% ในเดือนก.ย.
เมื่อเทียบรายเดือน คาดว่าดัชนี CPI ทั่วไป ปรับตัวขึ้น 0.1% ในเดือนต.ค. จากระดับ 0.4% ในเดือนก.ย.
ส่วนดัชนี CPI พื้นฐาน (Core CPI) ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน คาดว่าปรับตัวขึ้น 4.1% ในเดือนต.ค. เมื่อเทียบรายปี ไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือนก.ย.
เมื่อเทียบรายเดือน คาดว่าดัชนี CPI พื้นฐาน ปรับตัวขึ้น 0.3% ในเดือนต.ค. ไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือนก.ย.
นอกจากนี้ นักลงทุนจับตาสภาคองเกรสสหรัฐ ซึ่งหากพรรคเดโมแครตและรีพับลิกันไม่สามารถเจรจาแก้ไขความขัดแย้งเพื่อให้มีการจัดทำงบประมาณระยะยาวภายในวันศุกร์ที่ 17 พ.ย. สหรัฐก็จะเผชิญการชัตดาวน์อีกครั้ง