ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันอังคาร (14 พ.ย.) หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อที่ต่ำกว่าคาดการณ์ ซึ่งทำให้ตลาดคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะยุติวงจรการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 1.49% แตะที่ 104.053
ดอลลาร์อ่อนค่าลง หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค ปรับตัวขึ้น 3.2% ในเดือนต.ค. เมื่อเทียบเป็นรายปี ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 3.3% จากระดับ 3.7% ในเดือนก.ย. ส่วนดัชนี CPI พื้นฐานซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 4.0% ในเดือนต.ค. เมื่อเทียบเป็นรายปี ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 4.1% จากระดับ 4.1% ในเดือนก.ย.
FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า หลังจากสหรัฐเปิดเผยดัชนี CPI ประจำเดือนต.ค. นักลงทุนให้น้ำหนัก 100% ในการคาดการณ์ว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5.25-5.50% ในการประชุมเดือนธ.ค. 2566 และเดือนม.ค. 2567
ขณะเดียวกันนักลงทุนให้น้ำหนัก 65% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 5.00-5.25% ในการประชุมเดือนพ.ค. 2567 ซึ่งเพิ่มขึ้นจากระดับ 34% ในการสำรวจเมื่อวันจันทร์ และเร็วกว่าเดิมที่คาดว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนมิ.ย. 2567
นอกจากนี้ การเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อที่ต่ำกว่าคาดของสหรัฐยังส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐร่วงลง ซึ่งเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้ดอลลาร์อ่อนค่าลงด้วย โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีดิ่งลงอย่างหนัก หลุดระดับ 4.5% เมื่อคืนนี้