ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันอังคาร (9 ม.ค.) หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐดีดตัวขึ้นเหนือระดับ 4% ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ประจำเดือนธ.ค.ของสหรัฐในวันพฤหัสบดีนี้ เพื่อประเมินแนวโน้มเงินเฟ้อและทิศทางอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.35% แตะที่ระดับ 102.570
ดอลลาร์แข็งค่าขึ้น หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีพุ่งขึ้นแตะระดับ 4.053% เมื่อคืนนี้ ซึ่งเป็นผลมาจากการที่นักลงทุนปรับลดน้ำหนักต่อการคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนมี.ค.ปีนี้ โดยล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 65.7% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมวันที่ 19-20 มี.ค. ซึ่งลดลงจากก่อนหน้านี้ที่ให้น้ำหนัก 79%
นอกจากนี้ ดอลลาร์ยังแข็งค่าขึ้น หลังจากนางมิเชล โบว์แมน สมาชิกคณะผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวว่า วงจรการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมีแนวโน้มสิ้นสุดลงแล้ว แต่ขณะนี้ยังไม่ถึงเวลาที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย
"เฟดมีความคืบหน้าในการควบคุมเงินเฟ้อผ่านทางการคุมเข้มนโยบายการเงิน และดิฉันคาดว่าอัตราเงินเฟ้อจะชะลอตัวต่อไป ขณะที่เฟดยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยนโยบายต่อไปอีกระยะหนึ่ง" นางโบว์แมนกล่าวในที่ประชุมธนาคารชุมชนที่รัฐเซาท์แคโรไลนาวานนี้
"หากเงินเฟ้อปรับตัวลงต่อไปเข้าสู่เป้าหมายของเฟดที่ระดับ 2% ก็จะเป็นเวลาที่เหมาะสมในการเริ่มกระบวนการปรับลดอัตราดอกเบี้ย อย่างไรก็ดี เฟดยังคงมีงานที่ต้องทำก่อนที่การปรับลดอัตราดอกเบี้ยจะเกิดขึ้น ซึ่งเรายังไปไม่ถึงจุดนั้น" นางโบว์แมนกล่าว
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ประจำเดือนธ.ค.ของสหรัฐในวันพฤหัสบดีนี้ เพื่อประเมินแนวโน้มเงินเฟ้อและทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟด
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ดัชนี CPI ทั่วไป (Headline CPI) ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน จะเพิ่มขึ้น 3.2% ในเดือนธ.ค. เมื่อเทียบรายปี จากระดับ 3.1% ในเดือนพ.ย. และคาดว่าดัชนี CPI พื้นฐาน (Core CPI) ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน จะเพิ่มขึ้น 3.8% ในเดือนธ.ค. เมื่อเทียบรายปี จากระดับ 4.0% ในเดือนพ.ย.