ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเล็กน้อยเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันจันทร์ (22 ม.ค.) ขณะที่นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางยุโรป (ECB) และธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ในสัปดาห์นี้ รวมทั้งรอดูข้อมูลเศรษฐกิจและเงินเฟ้อของสหรัฐในสัปดาห์นี้ด้วย เพื่อประเมินแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.04% แตะที่ระดับ 103.331 หลังจากที่ปรับตัวขึ้น 0.8% ในสัปดาห์ที่ผ่านมา
นักลงทุนจับตาการประชุมกำหนดนโยบายการเงินของ ECB ในวันพฤหัสบดีนี้ (25 ม.ค.) เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้กำหนดเวลาในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของ ECB ขณะเดียวกันนักลงทุนรอดูผลการประชุมของ BOJ ในวันนี้เช่นกัน
นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า BOJ จะคงนโยบายอัตราดอกเบี้ยติดลบในการประชุมวันนี้ โดยคาดว่า BOJ ต้องการประเมินความแข็งแกร่งของการปรับขึ้นค่าจ้างและผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวรุนแรงในพื้นที่ภาคกลางของญี่ปุ่นเมื่อช่วงปีใหม่
นักลงทุนหันมาจับตาตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยเฉพาะการเปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 4/2566 ในวันพฤหัสบดี และดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ในวันศุกร์ เนื่องจากจะไม่มีการแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยจากเจ้าหน้าที่เฟดในขณะนี้ โดยเฟดเริ่มเข้าสู่ช่วงงดเว้นการแสดงความเห็นเกี่ยวกับนโยบายการเงิน (Blackout Period) ก่อนที่เฟดจะจัดการประชุมกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ในวันที่ 30-31 ม.ค.
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า GDP ไตรมาส 4/2566 ของสหรัฐจะขยายตัว 2.0% หลังจากมีการขยายตัว 2.2%, 2.1% และ 4.9% ในไตรมาส 1, 2 และ 3 ตามลำดับ
นอกจากนี้ คาดว่าดัชนี PCE ทั่วไป (Headline PCE) ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน จะปรับตัวขึ้น 2.6% ในเดือนธ.ค. และคาดว่าดัชนี PCE พื้นฐาน (Core PCE) ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน จะปรับตัวขึ้น 3.0% ในเดือนธ.ค. เมื่อเทียบรายปี
ทั้งนี้ ดัชนี PCE เป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ เนื่องจากสามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของผู้บริโภค และครอบคลุมราคาสินค้าและบริการในวงกว้างมากกว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI)