ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันอังคาร (23 ม.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนเข้าซื้อดอลลาร์ หลังจากมีกระแสคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงเป็นเวลานานกว่าที่คาด
ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.28% แตะที่ระดับ 103.617 โดยในระหว่างวัน ดัชนีดอลลาร์พุ่งขึ้นแตะระดับ 103.76 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 6 สัปดาห์
ดอลลาร์แข็งค่าขึ้น 0.2% เมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 148.385 เยน หลังจากธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) มีมติคงนโยบายอัตราดอกเบี้ยติดลบในการประชุมเมื่อวานนี้ ขณะที่นายคาซูโอะ อุเอดะ ผู้ว่าการ BOJ กล่าวว่า BOJ ไม่ลังเลที่จะเดินหน้าใช้นโยบายผ่อนคลายการเงินต่อไปหากพิจารณาแล้วเห็นว่าจำเป็น
ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์ โดยปรับตัวลงแตะระดับ 1.0822 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 6 สัปดาห์ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงราว 0.2% เมื่อเทียบกับดอลลาร์ แตะระดับ 1.2678 ดอลลาร์
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 4/2566 ของสหรัฐในวันพฤหัสบดีนี้ และดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ในวันศุกร์ เพื่อหาสัญญาณที่ชัดเจนเกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ก่อนที่เฟดจะจัดการประชุมนโยบายการเงินในวันที่ 30-31 ม.ค.
ผลการสำรวจของสำนักข่าวรอยเตอร์ระบุว่า นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในช่วงไตรมาส 2 ของปีนี้ และมีโอกาสเกิดขึ้นในเดือนมิ.ย.มากกว่าเดือนพ.ค.
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่น ๆ ของสหรัฐที่จะมีการเปิดเผยในสัปดาห์นี้ รวมถึงดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นต้นเดือนม.ค.จากเอสแอนด์พี โกลบอล, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นต้นเดือนม.ค.จากเอสแอนด์พี โกลบอล, จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนธ.ค., ยอดขายบ้านใหม่เดือนธ.ค. และยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (Pending Home Sales) เดือนธ.ค.