ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันจันทร์ (5 ก.พ.) หลังสหรัฐเปิดเผยดัชนีภาคบริการที่แข็งแกร่งเกินคาด ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ตรึงอัตราดอกเบี้ยในระดับสูงยาวนานกว่าที่คาดไว้
ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.51% แตะที่ระดับ 104.452
สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคบริการของสหรัฐปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 53.4 ในเดือนม.ค. จากระดับ 50.5 ในเดือนธ.ค. และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 52.0 โดยดัชนีอยู่สูงกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ว่าภาคบริการของสหรัฐมีการขยายตัว และเป็นการขยายตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 13
นักลงทุนปรับลดน้ำหนักต่อคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนพ.ค. หลังสหรัฐเปิดเผยดัชนีภาคบริการที่แข็งแกร่ง โดยล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 52.5% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 5.00-5.25% ในการประชุมเดือนพ.ค. ซึ่งลดลงจากก่อนหน้านี้ที่ให้น้ำหนัก 59.9%
ทางด้านนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดให้สัมภาษณ์ในรายการ "60 Minutes" ของสถานีโทรทัศน์ซีบีเอสเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาว่า เฟดจะดำเนินการอย่างระมัดระวังในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ และมีแนวโน้มที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยล่าช้ากว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้
ทั้งนี้ นายพาวเวลกล่าวกับผู้ดำเนินรายการ 60 Minutes ว่า "ชาวอเมริกันอาจจะต้องรอคอยนานกว่าเดือนมี.ค.หากต้องการเห็นเฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ย เนื่องจากเจ้าหน้าที่เฟดจำเป็นต้องรอดูข้อมูลเศรษฐกิจเพิ่มเติมเพื่อเป็นเครื่องยืนยันว่าอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐปรับตัวลงสู่เป้าหมายของเฟดที่ระดับ 2% และเนื่องจากเศรษฐกิจที่มีความแข็งแกร่งในขณะนี้ ทำให้เฟดต้องใช้ความระมัดระวังในการพิจารณาเรื่องการปรับลดอัตราดอกเบี้ย"