ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันศุกร์ (9 ก.พ.) หลังสหรัฐปรับลดระดับดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ประจำเดือนธ.ค. ซึ่งบ่งชี้ถึงเงินเฟ้อที่ชะลอลง และจะเป็นปัจจัยหนุนให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับลดอัตราดอกเบี้ย
ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.05% แตะที่ระดับ 104.111
ยูโรปรับตัวขึ้น 0.08% สู่ระดับ 1.0785 ดอลลาร์ และเยนทรงตัวที่ระดับ 149.32 เยนต่อดอลลาร์ หลังแตะระดับ 149.575 เยนซึ่งเป็นระดับอ่อนค่าที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 27 พ.ย.
ส่วนเงินปอนด์แข็งค่า 0.15% สู่ระดับ 1.2635 ดอลลาร์ ขณะที่ฟรังก์สวิสอ่อนค่าลงแตะ 0.8747 ดอลลาร์
กระทรวงแรงงานสหรัฐประกาศปรับลดตัวเลขดัชนี CPI ประจำเดือนธ.ค.ในวันศุกร์ (9 ก.พ.) จากเดิมที่มีการรายงานก่อนหน้านี้ โดยดัชนี CPI ทั่วไป (Headline CPI) ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 0.2% เมื่อเทียบรายเดือน ต่ำกว่าตัวเลขที่มีการรายงานก่อนหน้านี้ที่ระดับ 0.3% ส่วนดัชนี CPI พื้นฐาน (Core CPI) ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 0.3% ในเดือนธ.ค. สอดคล้องกับตัวเลขที่มีการรายงานก่อนหน้านี้
นักลงทุนจะจับตาดัชนี CPI ประจำเดือนม.ค.ของสหรัฐที่จะมีการเปิดเผยในวันอังคารที่ 13 ก.พ. รวมทั้งถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ
ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 54.8% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 5.00-5.25% ในการประชุมเดือนพ.ค. หลังจากที่ให้น้ำหนัก 50.3% เมื่อวันพฤหัสบดี (8 ก.พ.)
ขณะเดียวกัน นักลงทุนให้น้ำหนัก 35.1% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5.25-5.50% ในการประชุมเดือนพ.ค. หลังจากที่ให้น้ำหนัก 40.1% ในวันพฤหัสบดี