ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันพุธ (6 มี.ค.) หลังนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) แถลงต่อสภาคองเกรสว่า เฟดยังคงคาดว่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในปีนี้ แม้ความคืบหน้าในการควบคุมเงินเฟ้อยังไม่แน่นอนก็ตาม
ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.41% สู่ระดับ 103.370
ดอลลาร์อ่อนค่าลง 0.45% สู่ระดับ 149.38 เยน หลังมีรายงานว่า กรรมการธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) บางคนคิดว่าเป็นการเหมาะสมที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจากระดับต่ำกว่า 0% ในการประชุมในเดือนมี.ค.นี้, ยูโรแข็งค่า 0.37% สู่ระดับ 1.0897 ดอลลาร์ หลังแตะ 1.09155 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 2 ก.พ. และปอนด์แข็งค่าขึ้น 0.25% สู่ระดับ 1.2738 ดอลลาร์ เนื่องจากเทรดเดอร์ขานรับการเปิดเผยแผนงบประมาณล่าสุดของอังกฤษ ซึ่งอาจจะเป็นงบประมาณสุดท้ายก่อนการเลือกตั้งของอังกฤษที่จะมีขึ้นในปีนี้
นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า BOJ จะยกเลิกนโยบายอัตราดอกเบี้ยติดลบในการประชุมเดือนเม.ย. หากการเจรจาเรื่องค่าจ้างในฤดูใบไม้ผลิของญี่ปุ่นส่งผลให้มีการปรับขึ้นค่าจ้างอย่างมาก
ข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐที่เปิดเผยในวันพุธได้ช่วยสนับสนุนการคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในปีนี้
ออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) เปิดเผยว่า การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐเพิ่มขึ้น 140,000 ตำแหน่งในเดือนก.พ. ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 150,000 ตำแหน่ง หลังจากเพิ่มขึ้น 111,000 ตำแหน่งในเดือนม.ค.
สำนักงานสถิติของกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยผลสำรวจการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) พบว่า ตัวเลขการเปิดรับสมัครงานซึ่งเป็นมาตรวัดอุปสงค์ในตลาดแรงงาน ลดลงสู่ระดับ 8.86 ล้านตำแหน่งในเดือนม.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค. 2564 แต่สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 8.85 ล้านตำแหน่ง จากระดับ 8.89 ล้านตำแหน่งในเดือนธ.ค. ขณะที่ตัวเลขการจ้างงานลดลงสู่ระดับ 5.7 ล้านตำแหน่งในเดือนม.ค. จากระดับ 5.8 ล้านตำแหน่งในเดือนธ.ค.
บรรดานักลงทุนจะรอดูการเปิดเผยข้อมูลการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.พ.ของสหรัฐในวันศุกร์นี้ ซึ่งจะบ่งชี้ภาวะตลาดแรงงานที่ชัดเจนมากขึ้น
นอกจากนี้ เทรดเดอร์จะจับตาการประชุมของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในวันพฤหัสบดีนี้ ซึ่งคาดว่าจะตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงเป็นประวัติการณ์ที่ 4% และจะหาสัญญาณบ่งชี้กำหนดเวลาที่ ECB จะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง