ดอลลาร์ร่วงลงอย่างหนักในสัปดาห์นี้ หลังจากที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้
ณ เวลา 19.56 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลบ 0.04% สู่ระดับ 102.79 ขณะที่ดอลลาร์ร่วงลง 0.56% สู่ระดับ 147.19 เยน แต่ดีดตัวขึ้น 0.14% สู่ระดับ 1.093 เทียบยูโร
ดัชนีดอลลาร์ร่วงลง 1% ในสัปดาห์นี้ ทำสถิติปรับตัวลงมากที่สุดเทียบรายสัปดาห์นับตั้งแต่กลางเดือนธ.ค.2566
ยูโรถูกกดดันเช่นเดียวกัน หลังธนาคารกลางยุโรป (ECB) ส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ยกลางปีนี้
ทั้งนี้ ECB มีมติคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวานนี้ตามการคาดการณ์ของตลาด โดยเป็นการตรึงอัตราดอกเบี้ยติดต่อกันเป็นครั้งที่ 4 และระบุว่า ขณะนี้ ECB มีความคืบหน้าในการควบคุมเงินเฟ้อ
นอกจากนี้ มีสัญญาณบ่งชี้ว่าคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของ ECB กำลังหารือกันเกี่ยวกับกรอบเวลาที่เหมาะสมในการผ่อนคลายนโยบายการเงิน นายฟรังซัวส์ วิลเลอรอย เดอ กัลโอ ซึ่งเป็นกรรมการ ECB กล่าวในวันนี้ว่า ECB มีฉันทามติในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในช่วงฤดูใบไม้ผลินี้ โดยเสริมว่า "ฤดูใบไม้ผลิเริ่มตั้งแต่เดือนเม.ย.จนถึงวันที่ 21 มิ.ย."
ด้านนายโอลลี เรห์น ซึ่งเป็นกรรมการ ECB อีกรายหนึ่ง กล่าวว่า ความเสี่ยงที่ ECB จะเร่งปรับลดอัตราดอกเบี้ยเร็วเกินไปได้ลดน้อยลงแล้ว
นักวิเคราะห์จากโกลด์แมน แซคส์คาดการณ์ว่า ECB จะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนมิ.ย. ขณะที่ตลาดการเงินสหรัฐคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในเดือนมิ.ย.เช่นกัน ซึ่งหากเฟดและ ECB ปรับลดอัตราดอกเบี้ยพร้อมกันในเดือนมิ.ย.ตามคาด ก็จะเป็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางขนาดใหญ่ทั้ง 2 แห่ง และอาจเป็นจุดเริ่มต้นของกระแสอัตราดอกเบี้ยขาลงทั่วโลก
นักลงทุนจับตาตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรในคืนนี้เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานเพิ่มขึ้นเพียง 198,000 ตำแหน่งในเดือนก.พ. ชะลอตัวจากระดับ 353,000 ตำแหน่งในเดือนม.ค. และคาดว่าอัตราว่างงานจะทรงตัวที่ระดับ 3.7%