ดอลลาร์ร่วงลงอย่างต่อเนื่อง หลังสหรัฐเปิดเผยรายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตรในวันนี้ ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
ณ เวลา 22.37 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลบ 0.19% สู่ระดับ 102.62 ขณะที่ดอลลาร์ร่วงลง 0.65% สู่ระดับ 147.07 เยน และอ่อนค่า 0.05% สู่ระดับ 1.095 เทียบยูโร
นอกจากนี้ ดัชนีดอลลาร์ร่วงลง 1% ในสัปดาห์นี้ ทำสถิติปรับตัวลงมากที่สุดเทียบรายสัปดาห์นับตั้งแต่กลางเดือนธ.ค.2566 หลังจากที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้
นักลงทุนเพิ่มคาดการณ์ที่ว่า เฟดจะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนมิ.ย. หลังสหรัฐเปิดเผยรายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตรในเดือนก.พ.
ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 59.5% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 5.00-5.25% ในการประชุมวันที่ 11-12 มิ.ย. หลังจากที่ให้น้ำหนักเพียง 41.0% เมื่อ 1 เดือนก่อนหน้านี้
ทั้งนี้ รายงานการจ้างงานดังกล่าวระบุว่า อัตราการว่างงานปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 3.9% สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 3.7% และจะเป็นปัจจัยหนุนการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟด
นอกจากนี้ การที่สหรัฐปรับตัวเลขการจ้างงานในเดือนม.ค. โดยปรับเป็นเพิ่มขึ้น 229,000 ตำแหน่ง จากเดิมรายงานว่าเพิ่มขึ้น 353,000 ตำแหน่ง ก็เป็นการบ่งชี้ว่าตลาดแรงงานไม่ได้อยู่ในภาวะที่ร้อนแรงเกินไป แม้ว่าตัวเลขการจ้างงานเพิ่มขึ้น 275,000 ตำแหน่งในเดือนก.พ. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 198,000 ตำแหน่ง
ขณะเดียวกัน นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อ หลังตัวเลขค่าจ้างรายชั่วโมงโดยเฉลี่ยของแรงงานในเดือนก.พ.เพิ่มขึ้นต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
"เราคิดว่ารายงานการจ้างงานในวันนี้เป็นปัจจัยบวกที่บ่งชี้ว่า เฟดสามารถทำให้เศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ภาวะซอฟต์แลนดิ้ง หรือสามารถควบคุมเศรษฐกิจให้ชะลอตัวลง โดยไม่เข้าสู่ภาวะถดถอย ขณะที่เงินเฟ้อปรับตัวลง โดยแม้ตัวเลขการจ้างงานมีความแข็งแกร่ง แต่ก็ถูกหักล้างด้วยตัวเลขว่างงานที่เพิ่มขึ้น และการปรับลดตัวเลขจ้างงานในเดือนม.ค." นายแลร์รี เทนทาเรลลี หัวหน้านักวิเคราะห์ด้านเทคนิคของ Blue Chip Daily Trend Report ระบุ