ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันพฤหัสบดี (21 มี.ค.) โดยได้แรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลง หลังจากธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ย
ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.57% แตะที่ระดับ 104.004
ดอลลาร์ได้รับแรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 2,000 ราย สู่ระดับ 210,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 212,000 ราย
สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่า ยอดขายบ้านมือสองพุ่งขึ้น 9.5% สู่ระดับ 4.38 ล้านยูนิตในเดือนก.พ. เมื่อเทียบรายเดือน สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงสู่ระดับ 3.95 ล้านยูนิต
ทางด้าน Conference Board เปิดเผยว่า ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจ Leading Economic Index (LEI) ปรับตัวขึ้น 0.1% สู่ระดับ 102.8 ในเดือนก.พ. หลังจากร่วงลง 0.4% ในเดือนม.ค. โดยดัชนี LEI ถือเป็นสิ่งบ่งชี้ภาวะเศรษฐกิจสหรัฐ โดยคำนวณจากตัวเลขเศรษฐกิจ 10 รายการ ซึ่งรวมถึงราคาหุ้น คำสั่งซื้อใหม่ของภาคการผลิต การอนุญาตสร้างบ้าน ตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน และความเชื่อมั่นผู้บริโภค
เงินปอนด์อ่อนค่าลง 0.99% เมื่อเทียบกับดอลลาร์ แตะที่ระดับ 1.266 ปอนด์ต่อดอลลาร์ หลังจากธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ลงมติตรึงอัตราดอกเบี้ยตามคาดเมื่อวานนี้ และระบุว่า เศรษฐกิจอังกฤษกำลังปรับตัวในทิศทางที่เหมาะสมในการปรับลดอัตราดอกเบี้ย บรรดาเทรดเดอร์คาดการณ์ว่า BoE จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.75% ในปีนี้ หลังจากคาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าอาจจะปรับลด 0.70% สกุลเงินฟรังก์สวิสอ่อนค่าลง 1.26% เมื่อเทียบกับดอลลาร์ หลังจากธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์ (SNB) มีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% สู่ระดับ 1.50% ในการประชุมเมื่อวานนี้ ซึ่งสวนทางกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ และทำให้ SNB กลายเป็นธนาคารกลางรายใหญ่แห่งแรกที่ยุติการใช้นโยบายคุมเข้มด้านการเงินที่มีวัตถุประสงค์เพื่อสกัดเงินเฟ้อ