ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันศุกร์ (22 มี.ค.) และปรับตัวขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 2 ติดต่อกัน ขณะที่การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียงเล็กน้อยของธนาคารกลางญี่ปุ่น และการที่ธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในสัปดาห์นี้นั้น ทำให้ส่วนต่างระหว่างอัตราดอกเบี้ยระหว่างสองธนาคารดังกล่าวกับของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยังคงอยู่ในระดับสูง ซึ่งช่วยหนุนดอลลาร์ให้ยังคงแข็งค่า
ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.45% แตะที่ระดับ 104.473
ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินต่าง ๆ ของประเทศกลุ่ม G10 ยกเว้นเยน เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐที่ค่อนข้างแข็งแกร่ง และอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงยังคงช่วยหนุนดอลลาร์
ปอนด์อ่อนค่าลง 0.5% แตะระดับต่ำสุดในรอบ 1 เดือนที่ 1.258 ดอลลาร์ หลังร่วง 1% ในวันพฤหัสบดีเมื่อธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ลงมติตรึงอัตราดอกเบี้ย
ฟรังก์สวิส ปรับตัวลงราว 1.7% เมื่อเทียบกับดอลลาร์ในสัปดาห์นี้ และลดลงราว 6.8% แล้วในปีนี้
แต่ดอลลาร์อ่อนค่า 0.12% เมื่อเทียบกับเยน โดยอยู่ที่ 151.44 เยนต่อดอลลาร์ แต่ดอลลาร์แข็งค่าราว 1.5% ในรอบสัปดาห์นี้
ส่วนยูโรปรับตัวลง 0.5% สู่ระดับ 1.0806 ดอลลาร์ หลังแตะระดับต่ำสุดในรอบ 3 สัปดาห์
แต่ยูโรแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2551 เมื่อเทียบกับเยนในสัปดาห์นี้ที่ 165.37 เยน ขณะที่ดอลลาร์ออสเตรเลียปรับตัวขึ้นเหนือระดับ 100 เยนได้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2557
ในสัปดาห์หน้า นักลงทุนจะมุ่งความสนใจไปที่การเปิดเผยข้อมูลผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 4/2566 ของสหรัฐในวันพฤหัสบดี (28 มี.ค.) และการเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ของสหรัฐในวันศุกร์ (29 มี.ค.)