ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันพฤหัสบดี (11 เม.ย.) หลังการซื้อขายเป็นไปอย่างผันผวน ขณะที่การเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ของสหรัฐที่ต่ำกว่าคาดไม่ได้ช่วยคลายความวิตกเกี่ยวกับเงินเฟ้อที่ระดับสูง ซึ่งได้ตอกย้ำความเชื่อที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะยังไม่รีบปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในปีนี้
ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.04% สู่ระดับ 105.282
ดอลลาร์ทรงตัวที่ 153.23 เยน หลังการซื้อขายที่ผันผวน โดยดอลลาร์ร่วงต่ำกว่า 153 เยน เนื่องจากถูกกดดันจากการเปิดเผยข้อมูล PPI ที่ต่ำกว่าคาด และในช่วงเช้า ดอลลาร์พุ่งแตะระดับสูงสุดครั้งใหม่ในรอบ 34 ปีที่ 153.32 เยน
ดอลลาร์อ่อนค่าลง 0.3% สู่ 0.9098 ฟรังก์สวิส
ส่วนยูโรอ่อนค่าลง 0.1% สู่ระดับ 1.07026 ดอลลาร์ หลังร่วงต่ำสุดในรอบ 2 เดือนในช่วงเช้าที่ 1.0699 ดอลลาร์ ขณะที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงเป็นประวัติการณ์ที่ 4% ตามคาด แต่ส่งสัญญาณว่าเตรียมปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง
ดอลลาร์อ่อนค่าลงในช่วงแรก หลังกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนี PPI เพิ่มขึ้น 0.2% เมื่อเทียบเป็นรายเดือนในเดือนมี.ค. ต่ำกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์ซึ่งได้รับการสำรวจโดยรอยเตอร์คาดไว้ว่าอาจเพิ่มขึ้น 0.3% และเมื่อเทียบรายปีดัชนี PPI เพิ่มขึ้น 2.1% ต่ำกว่าระดับคาดการณ์ที่ 2.2%
อย่างไรก็ตาม ดอลลาร์ได้แรงหนุน หลังบรรดาเจ้าหน้าที่เฟดกล่าวย้ำในวันพฤหัสบดีว่า เฟดจำเป็นต้องชะลอการผ่อนคลายนโยบายการเงินออกไปก่อน
นายจอห์น วิลเลียมส์ ประธานเฟดสาขานิวยอร์กกล่าวว่า แม้เฟดมีความคืบหน้าอย่างมากในการลดอัตราเงินเฟ้อ แต่ก็ยังไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนไปใช้นโยบายการเงินที่ผ่อนคลาย เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อยังคงมีความผันผวน