ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันศุกร์ (12 เม.ย.) โดยดอลลาร์พุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย. หลังได้แรงหนุนจากคำสั่งซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยท่ามกลางความตึงเครียดด้านภูมิรัฐศาสตร์ในตะวันออกกลาง รวมถึงการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงต่อไปเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ
ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.7% สู่ระดับ 106.02 และปรับตัวขึ้นในรอบสัปดาห์นี้เป็นเปอร์เซ็นต์มากที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ย. 2565
ดอลลาร์ลดลง 0.1% แตะ 153.19 เยน หลังปรับตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่กลางปี 2533 ที่ระดับ 153.39 เยน
ปอนด์อ่อนค่าลง 0.9% สู่ระดับ 1.2445 ดอลลาร์ หลังร่วงแตะ 1.2426 ดอลลาร์ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 17 พ.ย.
ยูโรร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 5 เดือนเมื่อเทียบกับดอลลาร์ หลังธนาคารกลางยุโรป (ECB) ระบุว่า อาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในเร็ว ๆ นี้ ขณะที่เฟดจะยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงต่อไปในปีนี้
ยูโรอ่อนค่าลง 0.9% สู่ระดับ 1.0637 ดอลลาร์ หลังร่วงแตะ 1.0622 ดอลลาร์ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 3 พ.ย.และปรับตัวลงเป็นเปอร์เซ็นต์มากที่สุดในสัปดาห์นี้นับตั้งแต่ปลายเดือนก.ย. 2565
เยนร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดใหม่ในรอบ 34 ปี ขณะที่นักลงทุนจับตาดูแนวโน้มที่ทางการญี่ปุ่นจะเข้าซื้อเพื่อหนุนค่าเงินเยน
ข้อมูลเศรษฐกิจเกี่ยวกับเงินเฟ้อและตลาดแรงงานของสหรัฐที่ยังคงแข็งแกร่งนั้นทำให้ตลาดคาดว่า เฟดจะชะลอการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง
สัญญาอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐปรับตัวรับโอกาส 77% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงครั้งแรกในเดือนก.ย. และคาดว่า เฟดจะปรับลดดอกเบี้ยลงน้อยกว่า 2 ครั้งหรือราว 0.46%
ขณะที่เครื่องมือ FedWatch Tool ของ CME บ่งชี้ว่า มีโอกาส 26% ที่เฟดจะปรับลดดอกเบี้ยลงในเดือนมิ.ย. ลดลงจากสัปดาห์ที่แล้วที่โอกาสดังกล่าวอยู่ที่ 50.8%