ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันจันทร์ (15 เม.ย.) หลังสหรัฐเปิดเผยรายงานยอดค้าปลีกที่แข็งแกร่งเกินคาด ซึ่งทำให้ตลาดคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงเป็นเวลานานกว่าที่คาดการณ์ไว้
ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.16% สู่ระดับ 106.208
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดค้าปลีกเดือนมี.ค.ของสหรัฐเพิ่มขึ้น 0.7% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 0.3%
ทั้งนี้ ยอดค้าปลีกที่แข็งแกร่งเกินคาดทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีพุ่งขึ้นทะลุระดับ 4.6% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่กลางเดือนพ.ย. 2566 ท่ามกลางกระแสคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงเป็นเวลานานกว่าที่คาดการณ์ไว้
นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนมี.ค., การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนมี.ค., รายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ หรือ Beige Book จากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด), จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ยอดขายบ้านมือสองเดือนมี.ค. และดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเดือนมี.ค.จาก Conference Board
นอกจากนี้ นักลงทุนยังติดตามสถานการณ์ในตะวันออกกลาง หลังจากอิหร่านได้ยิงขีปนาวุธหลายสิบลูกและโดรนหลายร้อยตัวโจมตีอิสราเอลเมื่อช่วงค่ำวันเสาร์ที่ผ่านมา (13 เม.ย.) เพื่อตอบโต้ที่อิสราเอลโจมตีสถานกงสุลอิหร่านในกรุงดามัสกัส เมืองหลวงของประเทศซีเรีย ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตหลายรายซึ่งรวมถึงนายโมฮัมหมัด เรซา ซาเฮดี ผู้บัญชาการระดับสูงของกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลาม (IRGC) ของอิหร่าน
ทั้งนี้ แม้ว่ากองกำลังป้องกันตนเองของอิสราเอล (IDF) สามารถยิงสกัดขีปนาวุธและโดรนเหล่านั้นได้เกือบทั้งหมด แต่การที่อิหร่านโจมตีดินแดนอิสราเอลโดยตรงเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 30 ปีโดยไม่ผ่านการทำสงครามตัวแทน (proxy war) นั้น ได้ส่งผลให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งความเป็นไปได้ที่อิสราเอลจะใช้มาตรการตอบโต้อิหร่าน