ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในวันอังคาร (16 เม.ย.) หลังสหรัฐเปิดเผยรายงานยอดค้าปลีกที่แข็งแกร่งเกินคาดเมื่อวานนี้ (15 เม.ย.) ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐปรับตัวสูงขึ้น ทำให้นักลงทุนกังวลว่ารัฐบาลญี่ปุ่นจะเข้าแทรกแซงค่าเงินเยน ขณะที่เงินเยนร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2533
ณ เวลา 18.57 น. ตามเวลาไทย ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ปรับตัวลง 0.02% สู่ระดับ 106.18 ขณะที่ยูโรอ่อนค่าลง 0.22% สู่ระดับ 1.0648 ดอลลาร์ต่อยูโร และเยนอ่อนค่าลง 0.23% สู่ระดับ 154.63 เยนเทียบดอลลาร์
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดค้าปลีกเดือนมี.ค.ของสหรัฐเพิ่มขึ้น 0.7% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 0.3% ทำให้ตลาดคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงเป็นเวลานานกว่าที่คาดการณ์ไว้
นักลงทุนจับตาการกล่าวสุนทรพจน์ของนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดในคืนนี้ โดยคาดหวังว่านายพาวเวลจะแสดงมุมมองเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจและเงินเฟ้อของสหรัฐ รวมทั้งส่งสัญญาณเกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟด หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อที่สูงเกินคาดในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งรวมถึงดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ที่ปรับตัวขึ้น 3.5% ในเดือนมี.ค. เมื่อเทียบรายปี สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 3.4% และสูงกว่าเดือนก.พ.ที่ปรับตัวขึ้น 3.2%
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาสถานการณ์เงินเยนอย่างใกล้ชิด หลังจากนายชุนอิจิ ซูซูกิ รัฐมนตรีคลังญี่ปุ่นเปิดเผยในวันนี้ (16 เม.ย.) ว่า รัฐบาลญี่ปุ่นเตรียมพร้อมที่จะใช้มาตรการทุกอย่างที่จำเป็นเพื่อรับมือกับตลาดปริวรรตเงินตราที่มีความผันผวนมากเกินไปในขณะนี้ โดยความเคลื่อนไหวล่าสุดของนายซูซูกิมีขึ้นไม่นานหลังจากเงินเยนร่วงลงหลุดจากระดับ 154 เยนเมื่อเทียบกับดอลลาร์ สู่ระดับ 154.45 เยนต่อดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 34 ปี
ทั้งนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีอยู่ที่ระดับ 4.65% ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่นอายุ 10 ปี อยู่ที่ 0.87%