ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันศุกร์ (26 เม.ย.) โดยได้แรงหนุนบางส่วนจากการเปิดเผยข้อมูลที่บ่งชี้ว่าเงินเฟ้อของสหรัฐยังคงอยู่ในระดับสูงตามคาด และตอกย้ำการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีแนวโน้มที่จะชะลอการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้
ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.32% แตะที่ระดับ 105.937
ดอลลาร์ปรับตัวขึ้น 1.3% สู่ระดับ 157.71 เยน, ยูโรอ่อนค่า 0.2% สู่ระดับ 1.0705 ดอลลาร์ และปอนด์อ่อนค่า 0.1% สู่ระดับ 1.2501 ดอลลาร์
ทั้งนี้ ดอลลาร์พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดครั้งใหม่เมื่อเทียบกับเยน หลังธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ 0-0.1% ในการประชุมนโยบายการเงิน 2 วันที่สิ้นสุดลงในวันศุกร์
บรรดานักลงทุนคาดว่า ทางการญี่ปุ่นอาจเข้าแทรกแซงตลาดเพื่อหนุนค่าเงินเยน หลังจากที่เยนร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบหลายสิบปี
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคลทั่วไป (Headline PCE) ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 2.7% ในเดือนมี.ค. เมื่อเทียบรายปี หลังจากปรับตัวขึ้น 2.5% ในเดือนก.พ.และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.6%
เมื่อเทียบรายเดือน ดัชนี PCE ทั่วไป ปรับตัวขึ้น 0.3% ในเดือนมี.ค. หลังจากปรับตัวขึ้น 0.3% เช่นกันในเดือนก.พ. และสอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
ส่วนดัชนี PCE พื้นฐาน (Core PCE) ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน และเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความสำคัญ ปรับตัวขึ้น 2.8% ในเดือนมี.ค. เมื่อเทียบรายปี หลังจากปรับตัวขึ้น 2.8% เช่นกันในเดือนก.พ. แต่สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.6%
เมื่อเทียบรายเดือน ดัชนี PCE พื้นฐานปรับตัวขึ้น 0.3% ในเดือนมี.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น 0.3% เช่นกันในเดือนก.พ. และสอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
ทั้งนี้ ดัชนี PCE ถือเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่สามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของผู้บริโภค และครอบคลุมราคาสินค้าและบริการในวงกว้างมากกว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI)
เครื่องมือ FedWatch ของ CME บ่งชี้ว่า หลังการเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อล่าสุด สัญญาดอกเบี้ยล่วงหน้าบ่งชี้ว่า มีโอกาส 58% ที่เฟดจะลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนก.ย. โดยลดลงจาก 68% ในสัปดาห์ก่อน ขณะที่มีโอกาสมากกว่า 80% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนธ.ค.
บรรดานักลงทุนในตลาดการเงินจะมุ่งความสนใจไปที่การประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด (FOMC) ในสัปดาห์หน้าซึ่งคาดว่า เฟดจะยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับเดิม