ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเล็กน้อยในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันอังคาร (28 พ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อดอลลาร์ในช่วงท้ายตลาดหลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐปรับตัวสูงขึ้น
ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.02% แตะที่ระดับ 104.614
ในระหว่างวัน ดัชนีดอลลาร์ปรับตัวลงแตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 1 สัปดาห์ ก่อนที่ดัชนีจะลดช่วงลบและปิดตลาดขยับขึ้นเล็กน้อย ตามทิศทางอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐที่ดีดตัวขึ้น หลังจากผลการประมูลพันธบัตรบ่งชี้ถึงอุปสงค์ที่อ่อนแอ
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 157.15 เยน จากระดับ 156.87 เยนในวันศุกร์ (24 พ.ค.) และแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3648 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3632 ดอลลาร์แคนาดา แต่ดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9122 ฟรังก์ จากระดับ 0.9135 ฟรังก์ และอ่อนค่าเมื่อเทียบกับโครนาสวีเดน ที่ระดับ 10.5709 โครนา จากระดับ 10.6126 โครนา
ยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์ ที่ระดับ 1.0858 ดอลลาร์ จากระดับ 1.0857 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 1.2758 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2769 ดอลลาร์
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ Conference Board ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยเศรษฐกิจเปิดเผยผลสำรวจระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 102 ในเดือนพ.ค. จากระดับ 97.5 ในเดือนเม.ย. และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 95.9
ผลสำรวจของเอสแอนด์พี คอร์โลจิก เคส ชิลเลอร์ บ่งชี้ว่าดัชนีราคาบ้านทั่วประเทศในสหรัฐพุ่งขึ้น 6.5% ในเดือนมี.ค. เมื่อเทียบรายปี และเพิ่มขึ้น 0.3% เมื่อเทียบรายเดือน โดยได้แรงหนุนจากสต็อกบ้านที่อยู่ในระดับต่ำ
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ของสหรัฐในวันศุกร์นี้ (31 พ.ค.) เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้กำหนดเวลาในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟด โดยดัชนี PCE เป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ เนื่องจากสามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของผู้บริโภค และครอบคลุมราคาสินค้าและบริการในวงกว้างมากกว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI)