ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเล็กน้อยเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันจันทร์ (15 ก.ค.) หลังจากนักลงทุนซึมซับถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ย
ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.09% แตะที่ระดับ 104.189
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.8956 ฟรังก์ จากระดับ 0.8947 ฟรังก์ในวันศุกร์ (12 ก.ค.) และแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3671 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3630 ดอลลาร์แคนาดา แต่ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 157.86 เยน จากระดับ 157.92 เยน
ส่วนยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.0901 ดอลลาร์ จากระดับ 1.0906 ดอลลาร์ และเงินปอนด์อ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.2972 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2989 ดอลลาร์
นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดได้กล่าวสุนทรพจน์ที่สมาคมเศรษฐกิจแห่งวอชิงตัน ดีซี เมื่อวานนี้ (15 ก.ค.) ว่า เฟดจะไม่รอจนกว่าเงินเฟ้อปรับตัวสู่เป้าหมายที่ระดับ 2% ก่อนที่จะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ย นอกจากนี้ เขาไม่คิดว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะเผชิญกับภาวะทรุดตัวลงอย่างรุนแรง หลังมีการขยายตัวอย่างรวดเร็ว
ทั้งนี้ นายพาวเวลกล่าวว่า "เฟดจะไม่รอจนกว่าเงินเฟ้อปรับตัวสู่เป้าหมายที่ระดับ 2% ก่อนที่จะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ย เหตุผลในเรื่องนี้ก็คือ ถ้าเรารอจนกว่าเงินเฟ้อลงถึง 2% จะเป็นการรอคอยที่นานเกินไป เนื่องจากมาตรการคุมเข้มทางการเงินที่เรากำลังใช้อยู่นั้น ยังคงส่งผลกระทบที่อาจทำให้เงินเฟ้อลดลงต่ำกว่า 2%"
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการรายงานเมื่อคืนนี้ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์ก เปิดเผยดัชนีภาคการผลิต (Empire State Index) ปรับตัวลงสู่ระดับ -6.6 ในเดือนก.ค. และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ -5.5 จากระดับ -6.0 ในเดือนมิ.ย.
ดัชนียังคงอยู่ต่ำกว่าระดับ 0 ซึ่งบ่งชี้ถึงภาวะหดตัวของภาคการผลิตในนิวยอร์ก โดยได้รับผลกระทบจากภาวะหดตัวของการจ้างงาน แม้ว่าภาคธุรกิจมีความเชื่อมั่นมากขึ้นต่อแนวโน้มในอนาคต