อีลอน มัสก์ และเทสลา บริษัทผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของเขา ชนะคดีที่ถูกฟ้องร้องในศาลรัฐบาลกลาง ซึ่งกล่าวหาว่า มัสก์และเทสลาหลอกลวงนักลงทุนโดยส่งเสริมการลงทุนใน Dogecoin ซึ่งเป็นสกุลเงินคริปโทเคอร์เรนซี และทำการซื้อขาย Dogecoin โดยอาศัยข้อมูลภายใน ซึ่งส่งผลให้นักลงทุนสูญเงินหลายพันล้านดอลลาร์ โดยศาลได้ยกฟ้องคดีดังกล่าว
อัลวิน เฮลเลอร์สไตน์ ผู้พิพากษาศาลแขวงสหรัฐฯ ประกาศการตัดสินดังกล่าวในวันพฤหัสบดี (29 ส.ค.)
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า นักลงทุนกล่าวหาว่า มัสก์ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลกใช้โพสต์บนทวิตเตอร์, การปรากฏตัวในรายการ "Saturday Night Live" ของสถานี NBC ในปี 2564 และการสร้างกระแสอื่น ๆ เพื่อทำกำไรจากการซื้อขาย Dogecoin ในขณะที่นักลงทุนต้องสูญเงินผ่านทางกระเป๋าเงินคริปโทฯ Dogecoin ที่มัสก์หรือเทสลาควบคุมอยู่
นักลงทุนยังระบุด้วยว่า มัสก์จงใจทำให้ราคาของ Dogecoin เพิ่มขึ้นมากกว่า 36,000% ในช่วง 2 ปี และปล่อยให้ราคาดิ่งลงหลังจากนั้น โดยที่มัสก์และเทสลามักจะทำการซื้อขายตามเวลาที่มัสก์ออกแถลงการณ์ หรือมีการเคลื่อนไหวเกี่ยวกับ Dogecoin ซึ่งรวมถึงกรณีที่มัสก์ขาย Dogecoin ในเดือนเม.ย. 2566 หลังจากที่เขาเปลี่ยนโลโก้นกสีฟ้าของทวิตเตอร์เป็นโลโก้สุนัขชิบะอินุของ Dogecoin ซึ่งทำให้ราคาของ Dogecoin พุ่งขึ้น 30%
อย่างไรก็ตาม เฮลเลอร์สไตน์กล่าวว่า ทวีตของมัสก์ที่ระบุว่า Dogecoin จะเป็นสกุลเงินแห่งอนาคตของโลก และสามารถใช้ซื้อรถเทสลาหรือเดินทางไปยังดวงจันทร์ด้วยจรวดของสเปซเอ็กซ์ (SpaceX) ซึ่งเป็นอีกบริษัทของมัสก์นั้น เป็นเพียงคำกล่าวที่มุ่งหวังและเกินจริง ไม่ใช่ข้อเท็จจริงที่สามารถพิสูจน์ได้ว่าเป็นเท็จ
เฮลเลอร์สไตน์ระบุว่า ไม่มีนักลงทุนที่มีเหตุผลรายใดสามารถใช้ทวีตเหล่านั้นเพื่อเป็นหลักฐานในการยื่นฟ้องคดีฉ้อโกงหลักทรัพย์ และยังกล่าวด้วยว่า ข้อกล่าวหาของนักลงทุนเกี่ยวกับการปั่นตลาดและการซื้อขายโดยใช้ข้อมูลวงในนั้นไม่ชัดเจนพอที่จะเข้าใจได้
เฮลเลอร์สไตน์ได้ตัดสินยกฟ้องคดีนี้โดยไม่ให้สิทธิ์ในการฟ้องร้องใหม่ ซึ่งหมายความว่า คดีนี้จะไม่สามารถนำกลับมาฟ้องร้องได้อีก
ทั้งนี้ นักลงทุนเรียกร้องค่าเสียหายจำนวน 2.58 แสนล้านดอลลาร์ และได้แก้ไขคำฟ้องของพวกเขาถึง 4 ครั้งในระยะเวลา 2 ปี