ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันพุธ (4 ส.ค.) หลังสหรัฐฯ เปิดเผยข้อมูลที่บ่งชี้ว่าภาวะตึงตัวในตลาดแรงงานเริ่มผ่อนคลายลง ซึ่งทำให้ตลาดคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) อาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงมากถึง 0.50% ในการประชุมเดือนนี้
ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.46% แตะที่ระดับ 101.357
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 143.89 เยน จากระดับ 145.81 เยนในวันอังคาร (3 ก.ย.) นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐยังอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.8471 ฟรังก์ จากระดับ 0.8504 ฟรังก์ และอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3519 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3548 ดอลลาร์แคนาดา
ยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1076 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1038 ดอลลาร์ ส่วนเงินปอนด์แข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.3141 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3100 ดอลลาร์
สำนักงานสถิติของกระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยผลสำรวจการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) พบว่า ตัวเลขการเปิดรับสมัครงาน ซึ่งเป็นมาตรวัดอุปสงค์ในตลาดแรงงานที่เฟดให้ความสำคัญ ลดลง 237,000 ตำแหน่ง สู่ระดับ 7.67 ล้านตำแหน่งในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. 2564
ข้อมูลดังกล่าวบ่งชี้ว่าภาวะตึงตัวในตลาดแรงงานคลี่คลายลง และอาจทำให้เฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนนี้ โดยล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 49% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมวันที่ 18 ก.ย. ซึ่งเพิ่มขึ้นจากระดับ 41% ก่อนที่จะมีการเปิดเผยข้อมูลดังกล่าว
นักลงทุนจับตาข้อมูลแรงงานของสหรัฐฯ ในสัปดาห์นี้อย่างใกล้ชิด เพื่อหาสัญญาณที่ชัดเจนเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยของเฟด โดยในวันนี้จะมีการเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนส.ค.จาก ADP ส่วนในวันพรุ่งนี้สหรัฐฯ จะเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนส.ค.