ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันศุกร์ (6 ก.ย.) หลังข้อมูลบ่งชี้ว่า การจ้างงานในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาดในเดือนส.ค. แต่อัตราการว่างงานลดลง ซึ่งน่าจะสนับสนุนให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป
ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.07% แตะที่ระดับ 101.177
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับยูโร, ปอนด์ และดอลลาร์แคนาดา
ยูโรอ่อนค่าแตะ 1.1087 ดอลลาร์สหรัฐในวันศุกร์ (6 ก.ย.) จาก 1.1104 ดอลลาร์ในวันพฤหัสบดี (5 ก.ย.) และปอนด์อ่อนค่าลงแตะ 1.3134 ดอลลาร์ จาก 1.3171 ดอลลาร์ ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าแตะ 142.36 เยนในวันศุกร์ จาก 143.42 เยนในวันพฤหัสบดี, ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงแตะ 0.8428 ฟรังก์สวิส จาก 0.8450 ฟรังก์สวิส แต่ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าแตะ 1.3564 ดอลลาร์แคนาดา จาก 1.3508 ดอลลาร์แคนาดา
กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 142,000 ตำแหน่งในเดือนส.ค. ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 164,000 ตำแหน่ง และกระทรวงแรงงานยังได้ปรับลดตัวเลขการจ้างงานในเดือนก.ค.สู่ระดับ 89,000 ตำแหน่ง จากเดิมรายงานไว้ที่ระดับ 114,000 ตำแหน่ง
ส่วนอัตราการว่างงานปรับตัวลงสู่ระดับ 4.2% สอดคล้องตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ จากระดับ 4.3% ในเดือนก.ค.
ดอลลาร์ฟื้นตัวขึ้นหลังจากร่วงลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในช่วงแรกหลังการเปิดเผยข้อมูลการจ้างงาน
นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐซึ่งถือเป็นสกุลเงินปลอดภัย ยังได้แรงหนุนจากการร่วงลงของราคาหุ้นและสินทรัพย์เสี่ยงอื่น ๆ ในวันศุกร์
ข้อมูลจาก LSEG บ่งชี้ว่า บรรดาเทรดเดอร์คาดการณ์ในขณะนี้ว่า มีโอกาส 31% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.50% จากช่วง 5.25%-5.50% สู่ระดับ 4.75%-5% ในการประชุมเฟดในวันที่ 17-18 ก.ย.นี้ โดยก่อนหน้าการเปิดเผยรายงานการจ้างงานนั้น มีโอกาส 43% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.50%