ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันจันทร์ (9 ก.ย.) หลังจากผลสำรวจล่าสุดบ่งชี้ว่า นักลงทุนคาดว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงเพียง 0.25% ในการประชุมสัปดาห์หน้า จากเดิมที่เคยคาดว่าเฟดอาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงมากถึง 0.50%
ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.37% แตะที่ระดับ 101.553
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 142.81 เยน จากระดับ 142.36 เยนในวันศุกร์ (6 ก.ย.) และแข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.8482 ฟรังก์ จากระดับ 0.8428 ฟรังก์ แต่ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3560 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3564 ดอลลาร์แคนาดา
ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1043 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1087 ดอลลาร์ในวันศุกร์ ส่วนเงินปอนด์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.3078 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3134 ดอลลาร์
เครื่องมือ FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า ขณะนี้นักลงทุนให้น้ำหนัก 73% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมวันที่ 17-18 ก.ย. และให้น้ำหนักเพียง 27% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมครั้งนี้
อาโม ซาฮาโต นักวิเคราะห์จากบริษัท Klarity FX ในซานฟรานซิสโกกล่าวว่า เฟดมีแนวโน้มที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงเพียง 0.25% ในการประชุมสัปดาห์หน้า และอาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมเดือนพ.ย. ซึ่งจะขึ้นอยู่กับข้อมูลที่เฟดจะได้รับในวันข้างหน้า
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ประจำเดือนส.ค.ของสหรัฐฯ ในวันพุธนี้ และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ประจำเดือนส.ค.ในวันพฤหัสบดี ก่อนที่การประชุมนโยบายการเงินของเฟดจะมีขึ้นในวันที่ 17-18 ก.ย.
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ดัชนี CPI ทั่วไป (Headline CPI) ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน จะเพิ่มขึ้น 2.6% ในเดือนส.ค. เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งชะลอตัวลงจากเดือนก.ค.ที่ปรับตัวขึ้น 2.9%