ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันอังคาร (17 ก.ย.) ขานรับรายงานยอดค้าปลีกที่แข็งแกร่งเกินคาดของสหรัฐฯ ขณะที่นักลงทุนจับตาผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในวันนี้ โดยคาดว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกในรอบ 4 ปีครึ่ง
ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.13% สู่ระดับ 100.894
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 141.81 เยน จากระดับ 140.71 เยนในวันจันทร์ (16 ก.ย.) นอกจากนี้ ดอลลาร์ยังแข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.8460 ฟรังก์ จากระดับ 0.8454 ฟรังก์ และทรงตัวเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3593 ดอลลาร์แคนาดา
ยูโรแข็งค่าเล็กน้อยเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1122 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1121 ดอลลาร์ในวันอังคาร ส่วนเงินปอนด์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.3166 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3207 ดอลลาร์
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ เปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกเดือนส.ค.ปรับตัวขึ้น 0.1% เมื่อเทียบรายเดือน สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 0.2% หลังจากที่พุ่งขึ้น 1.1% ในเดือนก.ค. ซึ่งบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ อยู่ในทิศทางที่แข็งแกร่งตลอดช่วงไตรมาส 3 ปีนี้
การคาดการณ์เกี่ยวกับขนาดของการปรับลดอัตราดอกเบี้ยมีความผันผวนในช่วงหลายวันที่ผ่านมา และล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า ขณะนี้นักลงทุนให้น้ำหนัก 65% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% หลังเสร็จสิ้นการประชุมในวันนี้ (18 ก.ย.) ซึ่งเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ที่แล้วที่ให้น้ำหนักเพียง 34%
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) เปิดเผยว่า การผลิตภาคอุตสาหกรรมโดยรวมของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 0.8% ในเดือนส.ค. เมื่อเทียบรายเดือน ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าเพิ่มขึ้นเพียง 0.2% หลังจากร่วงลง 0.9% ในเดือนก.ค.
สมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB) ของสหรัฐฯ เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้านเพิ่มขึ้น 2 จุด สู่ระดับ 41 ในเดือนก.ย. และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 40 โดยได้รับแรงหนุนจากการปรับตัวลงของอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนอง