ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันอังคาร (22 ต.ค.) โดยแตะระดับสูงสุดครั้งใหม่ในรอบ 2 เดือนครึ่ง หลังได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะชะลอการปรับลดอัตราดอกเบี้ย และนักลงทุนเตรียมพร้อมก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐที่เป็นไปอย่างสูสี
ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.06% แตะที่ 104.074
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นแตะ 151.06 เยนในวันอังคาร จาก 150.78 เยนในวันจันทร์, ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงแตะ 0.8656 ฟรังก์สวิส จาก 0.8662 ฟรังก์สวิส และอ่อนค่าลงแตะ 1.3822 ดอลลาร์แคนาดา จาก 1.3841 ดอลลาร์แคนาดา
ยูโรอ่อนค่าลงแตะ 1.0800 ดอลลาร์สหรัฐในวันอังคาร จาก 1.0812 ดอลลาร์สหรัฐในวันจันทร์ และปอนด์อ่อนค่าลงแตะ 1.2978 ดอลลาร์สหรัฐ จาก 1.2979 ดอลลาร์สหรัฐ
ดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 3 ติดต่อกัน และปรับตัวขึ้นเป็นวันที่ 15 ในรอบ 17 วันทำการ เนื่องจากข้อมูลเศรษฐกิจเชิงบวกได้ลดความคาดหวังเกี่ยวกับขนาดและความเร็วของการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ซึ่งส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ปรับตัวสูงขึ้น
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปีแตะ 4.222% ในวันอังคาร ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 26 ก.ค.
เครื่องมือ FedWatch ของ CME บ่งชี้ว่า ตลาดคาดการณ์ว่า มีโอกาส 89.6% สำหรับการปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมของเฟดในเดือนพ.ย. และมีโอกาส 10.4% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ตามเดิม
การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในวันที่ 5 พ.ย.นี้ ยังคงมีผลต่อการเคลื่อนไหวของสกุลเงิน เนื่องจากความคาดหวังในตลาดในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาเพิ่มสูงขึ้นเกี่ยวกับการชนะเลือกตั้งของอดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีจากพรรครีพับลิกัน ซึ่งน่าจะกำหนดนโยบายที่ก่อให้เกิดเงินเฟ้อตามมา เช่น การเก็บภาษีนำเข้า