ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ส่วนใหญ่ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันศุกร์ (1 พ.ย.) หลังเทรดเดอร์ปรับตัวรับข้อมูลที่บ่งชี้ว่า การขยายตัวของการจ้างงานในสหรัฐชะลอตัวลงอย่างรุนแรงในเดือนต.ค.โดยได้รับผลกระทบจากพายุเฮอร์ริเคนและการประท้วงของคนงานโรงงานผลิตเครื่องบิน
ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.29% แตะที่ระดับ 104.281
ดอลลาร์สหรัฐอยู่ที่ 152.97 เยนในวันศุกร์ (1 พ.ย.) แทบไม่เปลี่ยนแปลงจากระดับในวันพฤหัสบดี (31 ต.ค.), ดอลลาร์สหรัฐทรงตัวที่ 0.8705 ฟรังก์สวิส และดอลลาร์สหรัฐปรับตัวขึ้นแตะ 1.3952 ดอลลาร์แคนาดา จาก 1.3925 ดอลลาร์แคนาดา
ส่วนยูโรอ่อนค่าลดลงแตะ 1.0839 ดอลลาร์สหรัฐในวันศุกร์ จาก 1.0848 ดอลลาร์สหรัฐในวันพฤหัสบดี และปอนด์ร่วงลงแตะ 1.2926 ดอลลาร์สหรัฐ จาก 1.2957 ดอลลาร์สหรัฐ
สำนักงานสถิติแรงงานของกระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 12,000 ตำแหน่งในเดือนต.ค. ต่ำกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์ที่ได้รับการสำรวจโดยรอยเตอร์คาดไว้ว่าอาจเพิ่มขึ้น 113,000 ตำแหน่ง
อย่างไรก็ตาม อัตราการว่างงานทรงตัวที่ 4.1% ซึ่งบ่งชี้ว่า ตลาดแรงงานของสหรัฐฯ ยังคงแข็งแกร่ง
ตลาดยังคงคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ในเดือนนี้ หลังการเปิดเผยข้อมูลการจ้างงานที่ซบเซา
บรรดาเทรดเดอร์คาดว่า มีโอกาส 99% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% สู่ระดับ 4.5%-4.75% ในการประชุมวันที่ 6-7 พ.ย.นี้
นอกจากนี้ นักลงทุนจะมุ่งความสนใจไปที่การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในวันที่ 5 พ.ย. ซึ่งเป็นการแข่งขันที่สูสีกันระหว่าง คามาลา แฮร์ริส และโดนัลด์ ทรัมป์