ดอลลาร์แข็งค่าเทียบสกุลเงินหลัก สวนทางการอ่อนค่าของยูโร โดยถูกกดดันจากปัจจัยการเมืองในเยอรมนี
ณ เวลา 19.13 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน บวก 0.32% สู่ระดับ 105.88 ขณะที่ดอลลาร์แข็งค่า 0.40% สู่ระดับ 1.061 เทียบยูโร และดีดตัวขึ้น 0.31% สู่ระดับ 154.18 เยน
ยูโรร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 7 เดือนเทียบดอลลาร์ ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับเสถียรภาพทางการเมืองในเยอรมนี รวมทั้งความวิตกที่ว่าเศรษฐกิจยูโรโซนอาจได้รับผลกระทบจากมาตรการกำแพงภาษีของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ
แหล่งข่าวจากพรรคสังคมประชาธิปไตย (SPD) เปิดเผยว่า เยอรมนีจะจัดการเลือกตั้งในวันที่ 23 ก.พ.2568 เร็วกว่าที่นายโอลาฟ ชอลซ์ นายกรัฐมนตรีเยอรมนี ประกาศก่อนหน้านี้ว่าการเลือกตั้งจะมีขึ้นในเดือนมี.ค.2568
นอกจากนี้ รัฐสภาจะจัดการลงมติไว้วางใจนายกรัฐมนตรีในวันที่ 16 ธ.ค.2567 เร็วกว่าที่นายชอลซ์ประกาศก่อนหน้านี้ว่าจะมีขึ้นในเดือนม.ค.2568
ทั้งนี้ กฎหมายเยอรมนีกำหนดให้นายกรัฐมนตรีจัดการลงมติในรัฐสภาก่อนการเลือกตั้ง ซึ่งหากสภามีมติไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี เขาจะต้องยื่นเรื่องยุบสภาไปยังประธานาธิบดี
ต่อจากนั้น ประธานาธิบดีจะมีเวลา 21 วันในการดำเนินการไปสู่การเลือกตั้ง ซึ่งจะต้องมีขึ้นภายในเวลา 60 วันหลังการยุบสภา
รัฐบาลเยอรมนี ซึ่งประกอบด้วยพรรค SPD, พรรคกรีน และพรรคเสรีประชาธิปไตย (FDP) ได้ล่มสลายเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หลังจากที่นายชอลซ์ประกาศปลดนายคริสเตียน ลินด์เนอร์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ออกจากตำแหน่ง
ทั้งนี้ พรรค SPD ของนายชอลซ์จะจับมือกับพรรคกรีนเพื่อตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อยจนกว่าจะมีการเลือกตั้งในเดือนก.พ.2568
นักวิเคราะห์ระบุว่า ชัยชนะของนายทรัมป์จะเป็นปัจจัยบวกต่อค่าเงินดอลลาร์ เนื่องจากแผนการปรับลดอัตราภาษี การผ่อนคลายกฎระเบียบในภาคการเงิน รวมทั้งการตั้งกำแพงภาษีสินค้านำเข้าจากต่างประเทศ โดยเฉพาะจากจีน จะส่งผลกระทบต่อสกุลเงินเอเชีย และจะเพิ่มความผันผวนในตลาดการเงิน ซึ่งจะเอื้อประโยชน์ต่อดอลลาร์ในที่สุด
นอกจากนี้ มีการคาดการณ์ว่า มาตรการต่างๆของนายทรัมป์จะเป็นปัจจัยกระตุ้นเงินเฟ้อ ซึ่งจะส่งผลให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ชะลอการปรับลดอัตราดอกเบี้ย และจะหนุนให้ดอลลาร์แข็งค่าขึ้น
นักลงทุนจับตาตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐ รวมทั้งถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ในสัปดาห์นี้
กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค ประจำเดือนต.ค.ในวันพุธนี้
ทั้งนี้ ผลการสำรวจนักวิเคราะห์คาดว่า ดัชนี CPI ทั่วไป (Headline CPI) ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 2.4% ในเดือนต.ค. เมื่อเทียบรายปี ไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือนก.ย.
เมื่อเทียบรายเดือน คาดว่าดัชนี CPI ทั่วไป ปรับตัวขึ้น 0.2% ในเดือนต.ค. ไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือนก.ย.
ส่วนดัชนี CPI พื้นฐาน (Core CPI) ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน คาดว่าปรับตัวขึ้น 3.3% ในเดือนต.ค. เมื่อเทียบรายปี ไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือนก.ย.
เมื่อเทียบรายเดือน คาดว่าดัชนี CPI พื้นฐาน ปรับตัวขึ้น 0.3% ในเดือนต.ค. ไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือนก.ย.
นักลงทุนจับตานายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ซึ่งมีกำหนดกล่าวสุนทรพจน์ในสัปดาห์นี้ว่าด้วยแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ
ทั้งนี้ นายพาวเวลจะกล่าวสุนทรพจน์ดังกล่าวในงานเสวนาที่จัดขึ้นที่เมืองดัลลัส รัฐเท็กซัส ในวันพฤหัสบดีที่ 14 พ.ย. เวลา 15.00 น. ตามเวลาสหรัฐ หรือตรงกับวันศุกร์ที่ 15 พ.ย. เวลา 03.00 น.ตามเวลาไทย
ในการแถลงข่าวหลังเสร็จสิ้นการประชุมนโยบายการเงินเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว นายพาวเวลได้แสดงความพึงพอใจต่อภาวะเศรษฐกิจสหรัฐในขณะนี้ และยืนยันว่าเขาจะไม่ลาออกจากตำแหน่ง แม้ถูกกดดันจากนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ
ด้านธนาคารกลางสหรัฐ สาขาแอตแลนตา เปิดเผยว่า แบบจำลองคาดการณ์ GDPNow ล่าสุดแสดงให้เห็นว่า เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัว 2.5% ในไตรมาส 4/2567
ทั้งนี้ เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัว 1.4% ในไตรมาส 1, 3.0% ในไตรมาส 2 และ 2.8% ในไตรมาส 3