ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 1 ปีในวันนี้ ขานรับชัยชนะในการเลือกตั้งของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ และการครองอำนาจเบ็ดเสร็จในสภาคองเกรสของพรรครีพับลิกัน
ณ เวลา 21.02 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดอลลาร์ บวก 0.28% สู่ระดับ 106.78 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.2566 ขณะที่ดอลลาร์แข็งค่า 0.30% สู่ระดับ 155.92 เยน และดีดตัวขึ้น 0.26% สู่ระดับ 1.054 เทียบยูโร
สำนักข่าว CNN รายงานว่า ขณะนี้พรรครีพับลิกันสามารถครองอำนาจเบ็ดเสร็จทั้งในทำเนียบขาวและสภาคองเกรสแล้ว ซึ่งจะทำให้การผลักดันนโยบายต่าง ๆ ของนายทรัมป์เป็นไปอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
CNN รายงานผลการนับคะแนนล่าสุด พบว่า พรรครีพับลิกันสามารถครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐแล้ว โดยได้รับ 218 ที่นั่ง ซึ่งเพียงพอสำหรับการครองเสียงข้างมาก ขณะที่พรรคเดโมแครตได้รับ 208 ที่นั่ง
นอกจากนี้ พรรครีพับลิกันยังสามารถครองเสียงข้างมากในวุฒิสภา โดยได้รับ 52 ที่นั่ง ขณะที่พรรคเดโมแครตได้รับ 47 ที่นั่ง
ขณะเดียวกัน นายทรัมป์ได้รับคะแนนจากคณะผู้เลือกตั้งจำนวน 312 เสียง โดยเกินกว่า 270 เสียงที่จำเป็นสำหรับการคว้าชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ ขณะที่นางคามาลา แฮร์ริส คู่แข่งจากพรรคเดโมแครตได้เพียง 226 เสียง
นักวิเคราะห์ระบุว่า ชัยชนะของนายทรัมป์จะเป็นปัจจัยบวกต่อค่าเงินดอลลาร์ เนื่องจากแผนการปรับลดอัตราภาษี การผ่อนคลายกฎระเบียบในภาคการเงิน รวมทั้งการตั้งกำแพงภาษีสินค้านำเข้าจากต่างประเทศ โดยเฉพาะจากจีน จะส่งผลกระทบต่อสกุลเงินเอเชีย และจะเพิ่มความผันผวนในตลาดการเงิน ซึ่งจะเอื้อประโยชน์ต่อดอลลาร์ในที่สุด
นอกจากนี้ มีการคาดการณ์ว่า มาตรการต่างๆของนายทรัมป์จะเป็นปัจจัยกระตุ้นเงินเฟ้อ ซึ่งจะส่งผลให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ชะลอการปรับลดอัตราดอกเบี้ย และจะหนุนให้ดอลลาร์แข็งค่าขึ้น
นักลงทุนจับตานายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ซึ่งมีกำหนดกล่าวสุนทรพจน์ว่าด้วยแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ
ทั้งนี้ นายพาวเวลจะกล่าวสุนทรพจน์ดังกล่าวในงานเสวนาที่จัดขึ้นที่เมืองดัลลัส รัฐเท็กซัส ในวันนี้ (14 พ.ย.) เวลา 15.00 น. ตามเวลาสหรัฐ หรือตรงกับวันพรุ่งนี้ (15 พ.ย.) เวลา 03.00 น.ตามเวลาไทย
ในการแถลงข่าวหลังเสร็จสิ้นการประชุมนโยบายการเงินเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว นายพาวเวลได้แสดงความพึงพอใจต่อภาวะเศรษฐกิจสหรัฐในขณะนี้ และยืนยันว่าเขาจะไม่ลาออกจากตำแหน่ง แม้ถูกกดดันจากนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ
ด้านธนาคารกลางสหรัฐ สาขาแอตแลนตา เปิดเผยว่า แบบจำลองคาดการณ์ GDPNow ล่าสุดแสดงให้เห็นว่า เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัว 2.5% ในไตรมาส 4/2567
ทั้งนี้ เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัว 1.4% ในไตรมาส 1, 3.0% ในไตรมาส 2 และ 2.8% ในไตรมาส 3