ดอลลาร์อ่อนค่าในช่วงแรก แต่แข็งค่าขึ้นในเวลาต่อมา หลังสหรัฐเปิดเผยยอดค้าปลีกที่สูงกว่าคาด และดัชนีราคานำเข้าที่ดีดตัวขึ้นในเดือนต.ค. สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่าปรับตัวลง ซึ่งจะเป็นปัจจัยกระตุ้นเงินเฟ้อในสหรัฐ
ณ เวลา 22.00 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน บวก 0.14% สู่ระดับ 106.83 ขณะที่ดอลลาร์ปรับตัวขึ้น 0.01% สู่ระดับ 1.053 เทียบยูโร และร่วงลง 0.43% สู่ระดับ 155.58 เยน
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนต.ค. เมื่อเทียบรายเดือน สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.3% หลังจากเพิ่มขึ้น 0.8% ในเดือนก.ย.
เมื่อเทียบรายปี ยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้น 2.85% ในเดือนต.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น 1.98% ในเดือนก.ย.
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคานำเข้าเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนต.ค. เมื่อเทียบรายเดือน ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าลดลง 0.1% หลังจากลดลง 0.4% ในเดือนก.ย.
การปรับตัวขึ้นของดัชนีราคานำเข้าได้รับแรงหนุนจากการดีดตัวขึ้นของราคาพลังงาน
นอกจากนี้ ดอลลาร์มีแนวโน้มทำสถิติพุ่งขึ้นมากที่สุดในรอบกว่า 1 เดือนในสัปดาห์นี้ จากการคาดการณ์ที่ว่า นโยบายของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ จะกระตุ้นเงินเฟ้อและส่งผลให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ชะลอการปรับลดอัตราดอกเบี้ย ขณะที่ถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ก็ได้ทำให้นักลงทุนลดน้ำหนักต่อคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในเดือนธ.ค.
ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์มีแนวโน้มพุ่งขึ้น 1.8% ในสัปดาห์นี้ ซึ่งเป็นการปรับตัวดีที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ย. หลังจากพุ่งแตะ 106.88 ก่อนหน้านี้ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบเกือบ 1 ปี
นักลงทุนลดน้ำหนักต่อคาดการณ์ที่ว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในเดือนธ.ค. หลังการเปิดเผยถ้อยแถลงของนายพาวเวล
ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 58.7% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 4.25-4.50% ในการประชุมเดือนธ.ค. หลังจากให้น้ำหนัก 72.2% ก่อนการกล่าวถ้อยแถลงของนายพาวเวล
นอกจากนี้ นักลงทุนให้น้ำหนัก 54.9% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 4.25-4.50% ในการประชุมเดือนม.ค.2568
ทั้งนี้ นายพาวเวลกล่าวสุนทรพจน์ว่าด้วยแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐในงานเสวนาซึ่งจัดขึ้นที่เมืองดัลลัส รัฐเท็กซัสเมื่อวานนี้ โดยระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ตลาดแรงงานมีความแข็งแกร่ง และอัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่สูงกว่าเป้าหมายของเฟดที่ระดับ 2% ทำให้เฟดไม่จำเป็นต้องเร่งรีบในการปรับลดอัตราดอกเบี้ย และสถานการณ์ดังกล่าวทำให้เฟดสามารถพิจารณาการตัดสินใจได้อย่างรอบคอบ
ก่อนหน้านี้ ในการประชุมนโยบายการเงินของเฟดในเดือนก.ย. เฟดได้เปิดเผยคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Dot Plot) ของเจ้าหน้าที่เฟด โดยส่งสัญญาณว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ทั้งในเดือนพ.ย.และเดือนธ.ค.
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่เฟดส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ย 1.00% ในปี 2568 และลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในปี 2569
โดยรวมแล้ว Dot Plot บ่งชี้ว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีก 2.00% หลังการปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมวันที่ 18 ก.ย.