ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันจันทร์ (18 พ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรในช่วงท้ายตลาด หลังจากดอลลาร์แข็งค่าติดต่อกันเป็นเวลานานหลายวัน
ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.38% แตะที่ระดับ 106.276
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.8835 ฟรังก์ จากระดับ 0.8876 ฟรังก์ในวันศุกร์ (15 พ.ย.) และอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.4019 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.4092 ดอลลาร์แคนาดา แต่ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 154.74 เยน จากระดับ 154.22 เยน
ยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.0591 ดอลลาร์ จากระดับ 1.0537 ดอลลาร์ในวันศุกร์ ส่วนเงินปอนด์แข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.2672 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2612 ดอลลาร์
ดัชนีดอลลาร์ปรับตัวลงจากแรงขายทำกำไร หลังจากดัชนีพุ่งขึ้นแตะระดับสูงถึง 106.73 เมื่อคืนนี้ และทำสถิติพุ่งขึ้นมากที่สุดในรอบกว่า 1 เดือนในสัปดาห์ที่แล้ว จากการคาดการณ์ที่ว่า นโยบายของโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะกระตุ้นเงินเฟ้อและส่งผลให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ชะลอการปรับลดอัตราดอกเบี้ย
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการรายงานเมื่อคืนนี้ สมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติของสหรัฐฯ (NAHB) เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้สร้างบ้านเพิ่มขึ้น 3 จุด สู่ระดับ 46 ในเดือนพ.ย. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 7 เดือน และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 42 โดยได้แรงหนุนจากคาดการณ์ยอดขายที่เพิ่มขึ้น และความหวังที่ว่ารัฐบาลของทรัมป์จะดำเนินการผ่อนคลายกฎระเบียบในตลาดที่อยู่อาศัย
ส่วนข้อมูลด้านอื่น ๆ ที่จะมีการเปิดเผยในสัปดาห์นี้ได้แก่ ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนต.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ยอดขายบ้านมือสองเดือนต.ค., ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตและภาคบริการขั้นต้นเดือนพ.ย.จาก S&P Global และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นต้นเดือนพ.ย.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน