ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันศุกร์ (22 พ.ย.) โดยได้แรงหนุนจากการเปิดเผยข้อมูลที่บ่งชี้ถึงกิจกรรมทางธุรกิจที่แข็งแกร่งในสหรัฐ
ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.54% สู่ระดับ 107.554
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นแตะ 154.81 เยนในวันศุกร์ (22 พ.ย.) จาก 154.51 เยนในวันพฤหัสบดี (21 พ.ย.), ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าแตะ 0.8945 ฟรังก์สวิส จาก 0.8863 ฟรังก์สวิส และดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าแตะ 1.3981 ดอลลาร์แคนาดา จาก 1.3964 ดอลลาร์แคนาดา
ส่วนยูโรอ่อนค่าลงแตะ 1.0411 ดอลลาร์สหรัฐในวันศุกร์ จาก 1.0484 ดอลลาร์สหรัฐในวันพฤหัสบดีและปอนด์อ่อนค่าลงแตะ 1.2525 ดอลลาร์ จาก 1.2602 ดอลลาร์
ดัชนีกิจกรรมทางธุรกิจของสหรัฐฯ แตะระดับสูงสุดในรอบ 31 เดือนในเดือนพ.ย. โดยได้แรงหนุนจากความหวังเกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ย และการออกนโยบายที่เป็นมิตรกับภาคธุรกิจมากขึ้นจากรัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ในปีหน้า
เอสแอนด์พี โกลบอลเปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิตและภาคบริการเบื้องต้นของสหรัฐ ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 55.3 ในเดือนพ.ย. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 31 เดือน จากระดับ 54.1 ในเดือนต.ค.
ดัชนี PMI ยังคงอยู่เหนือระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ถึงการขยายตัวของภาคธุรกิจสหรัฐฯ
เครื่องมือ FedWatch ของ CME บ่งชี้ว่า นักลงทุนได้ลดความคาดหวังเกี่ยวกับแนวโน้มการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) โดยคาดการณ์ว่า โอกาสในการปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมเดือนธ.ค.อยู่ที่ 52.7% ลดลงจาก 69.5% เมื่อเดือนที่แล้ว ขณะที่นักลงทุนกำลังประเมินผลกระทบจากนโยบายของรัฐบาลทรัมป์ เช่น ภาษีศุลกากร ที่จะมีต่อเศรษฐกิจสหรัฐ