ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันอังคาร (26 พ.ย.) หลังจากโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ ขู่ทำสงครามการค้ากับบรรดาประเทศคู่ค้าอย่างแคนาดา เม็กซิโก และจีน
ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.18% แตะที่ 107.006
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.8873 ฟรังก์ จากระดับ 0.8857 ฟรังก์ในวันจันทร์ (25 พ.ย.) และแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.4062 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3978 ดอลลาร์แคนาดา แต่ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 153.11 เยน จากระดับ 154.14 เยน
ส่วนยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.0473 ดอลลาร์ จากระดับ 1.0506 ดอลลาร์ในวันจันทร์ และเงินปอนด์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.2546 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2575 ดอลลาร์
โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ให้คำมั่นว่าจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าทุกประเภทจากเม็กซิโกและแคนาดาในอัตรา 25% เมื่อเขาเข้าดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีในวันแรก และจะเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเพิ่มอีก 10% โดยระบุถึงเหตุผลเรื่องการเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมายและการค้ายาเสพติด
"ในวันที่ 20 มกราคม 2568 ผมจะลงนามในเอกสารที่จำเป็นทั้งหมด ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของคำสั่งบริหารฉบับแรก ๆ ของผม เพื่อเก็บภาษี 25% ของสินค้าทั้งหมดจากเม็กซิโกและแคนาดาที่นำเข้าสู่สหรัฐฯ รวมทั้งนโยบายเปิดพรมแดน (Open Borders) ที่ไร้สาระ" ทรัมป์โพสต์ข้อความผ่านทางแพลตฟอร์มทรูธโซเชียล (Truth Social) ในวันจันทร์ (25 พ.ย.)
ทรัมป์ระบุว่า เขาจะคงมาตรการการเก็บภาษีนี้ไว้จนกว่าเม็กซิโกและแคนาดาจะปราบปรามยาเสพติด โดยเฉพาะเฟนทานิล (fentanyl) และผู้อพยพที่ข้ามพรมแดนอย่างผิดกฎหมาย
ส่วนจีนนั้น ทรัมป์กล่าวหาจีนว่าไม่ได้ดำเนินการที่เข้มงวดเพียงพอในการหยุดยั้งการไหลเวียนของยาเสพติดที่ลักลอบข้ามพรมแดนจากเม็กซิโกเข้าสู่สหรัฐฯ
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดขายบ้านใหม่ลดลงสู่ระดับ 610,000 ยูนิตในเดือนต.ค. ดิ่งลง 17.3% เมื่อเทียบรายเดือน โดยแตะระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 2 ปี หรือนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2565 และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 725,000 ยูนิต จากระดับ 738,000 ยูนิตในเดือนก.ย.