ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ดอลล์อ่อนค่าตามทิศทางบอนด์ยีลด์ หลังนลท.ซึมซับข้อมูลเศรษฐกิจ

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday November 28, 2024 07:09 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงแมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันพุธ (27 พ.ย.) โดยดอลลาร์อ่อนค่าลงตามทิศทางอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ที่ชะลอตัวลงเมื่อคืนนี้ หลังจากนักลงทุนซึมซับข้อมูลเศรษฐกิจและประเมินผลกระทบจากมาตรการภาษีการค้าของโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ

ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.86% แตะที่ 106.084

ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 151.03 เยน จากระดับ 153.11 เยนในวันอังคาร (26 พ.ย.) นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐยังอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.8819 ฟรังก์ จากระดับ 0.8873 ฟรังก์ และอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.4031 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.4062 ดอลลาร์แคนาดา

ยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.0563 ดอลลาร์ จากระดับ 1.0473 ดอลลาร์ในวันอังคาร ส่วนเงินปอนด์แข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.2673 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2546 ดอลลาร์

ดัชนีดอลลาร์ปรับตัวลง หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีร่วงลงหลุดระดับ 4.3% เมื่อคืนนี้

ทางการสหรัฐฯ เปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจหลายรายการเมื่อคืนนี้ ซึ่งรวมถึงดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เพิ่มขึ้น 2.3% ในเดือนต.ค. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งแม้ว่าสอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ แต่ก็ปรับตัวขึ้นมากกว่าในเดือนก.ย.ที่เพิ่มขึ้น 2.1% ส่วนดัชนี PCE พื้นฐาน (Core PCE) ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน และเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ เพิ่มขึ้น 2.8% เมื่อเทียบรายปี ซึ่งแม้ว่าสอดคล้องกับการคาดการณ์ แต่ก็ปรับตัวขึ้นมากกว่าในเดือนก.ย.ที่เพิ่มขึ้น 2.7%

ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในสหรัฐฯ ลดลง 2,000 ราย สู่ระดับ 213,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 216,000 ราย

ส่วนยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐฯ เช่น เครื่องบิน รถยนต์ และเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป เพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนต.ค. สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่าลดลง 0.8% หลังจากลดลง 0.4% ในเดือนก.ย.

นักลงทุนยังคงประเมินผลกระทบจากการที่โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศว่าจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากเม็กซิโกและแคนาดาในอัตรา 25% และเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเพิ่มอีก 10% นอกเสียจากว่าประเทศเหล่านี้จะยับยั้งไม่ให้ยาเสพติดเฟนทานิล (fentanyl) และผู้อพยพผิดกฎหมายหลั่งไหลเข้าสู่สหรัฐฯ

ตลาดเงินนิวยอร์กจะปิดทำการในวันนี้ (28 พ.ย.) เนื่องในวันขอบคุณพระเจ้า (Thanksgiving)


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ