เจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ กล่าวในวันพุธ (11 ธ.ค.) ว่า สหรัฐฯ จะตอบโต้อย่างรุนแรง หากประเทศใด ๆ พยายามที่จะปั่นค่าเงินของตนเองเพื่อความได้เปรียบในการแข่งขันด้านการค้า แต่ในขณะนี้ยังไม่มีการแทรกแซงตลาดในลักษณะดังกล่าว
เยลเลนกล่าวในการให้สัมภาษณ์กับบลูมเบิร์ก เทเลวิชันว่า เธอไม่เห็นว่ามีภัยคุกคามใด ๆ ต่อสถานะของดอลลาร์สหรัฐในการเป็นสกุลเงินสำรอง เนื่องจากไม่มีสกุลเงินใดสามารถแข่งขันกับดอลลาร์สหรัฐในการใช้งานทั่วโลกในตลาดการเงิน การค้า และธุรกรรมอื่น ๆ ได้
เมื่อถูกถามถึงความเป็นไปได้ที่รัฐบาลของโดนัลด์ ทรัมป์จะพยายามลดค่าเงินดอลลาร์สหรัฐผ่านข้อตกลงพลาซา (Plaza Accord) ปี 2528 ฉบับปรับปรุงใหม่ เยลเลนกล่าวว่า รัฐบาลของปธน.โจ ไบเดนเชื่อว่า การปล่อยให้ตลาดเป็นตัวกำหนดค่าเงินดอลลาร์เป็นวิธีการที่ดีที่สุด
ข้อตกลงพลาซาเป็นข้อตกลงระหว่าง 5 ประเทศอุตสาหกรรมหลัก อันได้แก่ ฝรั่งเศส เยอรมนีตะวันตก ญี่ปุ่น สหราชอาณาจักร และสหรัฐฯ เพื่อลดค่าเงินดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับเงินฟรังก์ฝรั่งเศส เงินมาร์กเยอรมัน เงินเยนญี่ปุ่น และเงินปอนด์ โดยการแทรกแซงในตลาดเงินตราต่างประเทศ
"เราไม่เห็นด้วยกับประเทศใด ๆ ที่พยายามปั่นค่าเงินของตนเองเพื่อความได้เปรียบในการแข่งขัน เราจะระมัดระวังและตอบโต้อย่างรุนแรงเมื่อเห็นประเทศใดพยายามปั่นค่าเงินเพื่อรักษาความได้เปรียบ"
ความเห็นของเยลเลนไม่ได้มุ่งเป้าไปที่ประเทศใดประเทศหนึ่งโดยเฉพาะ แต่มีขึ้นหลังจากสำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า เจ้าหน้าที่จีนกำลังพิจารณาที่จะปล่อยให้เงินหยวนอ่อนค่าลงในปี 2568 เพื่อรับมือกับภาษีที่อาจสูงขึ้นหลังจากโดนัลด์ ทรัมป์ขึ้นดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดยทรัมป์ยืนยันว่าจะเก็บภาษีอย่างน้อย 60% สำหรับสินค้านำเข้าทั้งหมดจากจีน
รายงานเกี่ยวกับค่าเงินรายครึ่งปีล่าสุดของกระทรวงคลังสหรัฐฯ พบว่า ไม่มีการปั่นค่าเงินจากคู่ค้าหลัก ๆ แต่ยังคงให้จีนอยู่ในรายชื่อเฝ้าระวัง เนื่องจากมียอดเกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ สูงมาก และขาดความโปร่งใสในการปฏิบัติเกี่ยวกับอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ ซึ่งรวมถึงการลดลงเล็กน้อยของดุลบัญชีเดินสะพัดของจีนในระดับโลก แม้มีปริมาณการส่งออกที่สูงขึ้น ซึ่งแสดงถึงราคาส่งออกที่ลดต่ำลง
ทั้งนี้ ทรัมป์เลือกสกอตต์ เบสเซนต์ ผู้จัดการกองทุนเฮดจ์ฟันด์ ให้เป็นรัฐมนตรีคลังคนใหม่ ซึ่งหากเขาได้รับการรับรองจากวุฒิสภาสหรัฐฯ เบสเซนต์จะกำกับดูแลเกี่ยวกับรายงานด้านสกุลเงินครั้งต่อไปในเดือนเม.ย. 2568
เยลเลน ซึ่งใช้เวลาสองปีในการฟื้นฟูความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจที่ตึงเครียดกับจีนกล่าวว่า เป็นเรื่องสำคัญที่สหรัฐฯ ต้องรักษาช่องทางการสื่อสารกับเจ้าหน้าที่จีนในทุกระดับ เพื่อส่งเสริมการหารือเกี่ยวกับความขัดแย้งด้านนโยบายและด้านที่มีผลประโยชน์ร่วมกัน เช่น สภาพภูมิอากาศ โรคระบาด และเสถียรภาพทางการเงิน
"เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องมีช่องทางการสื่อสารที่เปิดกว้างที่จะช่วยหลีกเลี่ยงความเข้าใจผิด" เยลเลนกล่าว "เราใช้ช่องทางเหล่านี้เมื่อเราดำเนินการต่าง ๆ เช่น การควบคุมการส่งออก หรือการจำกัดการลงทุนในต่างประเทศล่าสุด เพื่ออธิบายสิ่งที่เราพยายามจะบรรลุ และหลีกเลี่ยงความเข้าใจผิดที่อาจทำให้ความสัมพันธ์แย่ลงโดยไม่จำเป็น"