ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ยูโรอ่อนค่า หลัง ECB หั่นดอกเบี้ยอีก 0.25%

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday December 13, 2024 07:21 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันพฤหัสบดี (12 ธ.ค.) หลังจากธนาคารกลางยุโรป (ECB) เดินหน้าปรับลดอัตราดอกเบี้ย ขณะที่ดอลลาร์แข็งค่าหลังสหรัฐฯ เปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ที่สูงเกินคาด

ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.23% แตะที่ระดับ 106.957

ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.0473 ดอลลาร์ จากระดับ 1.0492 ดอลลาร์ ส่วนเงินปอนด์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.2670 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2745 ดอลลาร์

ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.8914 ฟรังก์ จากระดับ 0.8848 ฟรังก์ และแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.4208 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.4162 ดอลลาร์แคนาดา แต่ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 152.54 เยน จากระดับ 152.65 เยน

ยูโรอ่อนค่าลง หลังจากคณะกรรมการ ECB มีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมเมื่อวานนี้ ซึ่งเป็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 4 ในปีนี้

นอกจากนี้ ECB ส่งสัญญาณเดินหน้าปรับลดอัตราดอกเบี้ยต่อไป โดยได้ตัดข้อความที่มักระบุในแถลงการณ์ที่ว่า "ECB จำเป็นที่จะต้องใช้นโยบายอัตราดอกเบี้ยอย่างเข้มงวดและเพียงพอเป็นเวลานานเท่าที่จำเป็น" ขณะที่ระบุในแถลงการณ์หลังการประชุมวันนี้ว่า "กระบวนการลดเงินเฟ้อยังคงดำเนินไปได้ด้วยดี"

ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยว่าดัชนี PPI ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้ผลิต พุ่งขึ้น 3.0% ในเดือนพ.ย. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.พ. 2566 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.6% หลังจากปรับตัวขึ้น 2.6% ในเดือนต.ค.

ส่วนดัชนี PPI พื้นฐาน (Core PPI) ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน ดีดตัวขึ้น 3.4% ในเดือนพ.ย. เมื่อเทียบรายปี สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 3.2% หลังจากปรับตัวขึ้น 3.4% ในเดือนต.ค.

ข้อมูลดังกล่าวบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังคงเผชิญกับแรงกดดันด้านเงินเฟ้อ และส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปีพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 2 สัปดาห์

เครื่องมือ FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนักกว่า 98% ที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมวันที่ 17-18 ธ.ค. แต่นักลงทุนคาดการณ์ว่าเฟดอาจจะคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนม.ค.ปีหน้า หลังจากเจ้าหน้าที่เฟดหลายรายได้ออกมาเรียกร้องให้คณะกรรมการเฟดใช้ความระมัดระวังในการผ่อนคลายนโยบายการเงิน เนื่องจากเศรษฐกิจยังคงแข็งแกร่ง

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่น ๆ ที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยว่าตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรก เพิ่มขึ้น 17,000 ราย สู่ระดับ 242,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 2 เดือน และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 220,000 ราย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ