ดอลลาร์อ่อนค่าเทียบสกุลเงินหลัก สวนทางการดีดตัวขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ
นอกจากนี้ ดอลลาร์ถูกกดดันจากรายงานข่าวที่ว่า นายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ มีแผนที่จะผ่อนคลายนโยบายการตั้งกำแพงภาษีนำเข้า
ณ เวลา 19.44 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลบ 0.03% สู่ระดับ 108.22 ขณะที่ดอลลาร์อ่อนค่า 0.03% สู่ระดับ 1.039 เทียบยูโร และปรับตัวขึ้น 0.13% สู่ระดับ 157.81 เยน
สภาคองเกรสจัดการประชุมวานนี้ โดยได้ประกาศรับรองชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐของนายทรัมป์ ก่อนที่จะเข้าพิธีสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีในวันที่ 20 ม.ค.
หนังสือพิมพ์วอชิงตัน โพสต์ รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวระบุว่า นายทรัมป์มีแผนที่จะผ่อนคลายนโยบายการตั้งกำแพงภาษีของเขา โดยจะมีการจัดเก็บภาษีศุลกากรต่อทุกประเทศ แต่จะจำกัดเป้าหมายเพียงบางอุตสาหกรรม แทนที่จะเป็นการประกาศปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศในวงกว้าง
แหล่งข่าวระบุว่า นายทรัมป์กำลังหารือกับคนใกล้ชิดเกี่ยวกับแผนการตั้งกำแพงภาษี โดยเขาจะเล็งไปที่อุตสาหกรรมที่มีความสำคัญต่อความมั่นคงแห่งชาติหรือต่อเศรษฐกิจสหรัฐเท่านั้น แทนที่จะเป็นการปรับขึ้นภาษีศุลกากรแบบครอบจักรวาล หรือ universal tariffs ต่อทุกภาคอุตสาหกรรมจำนวน 10%-20% ตามที่เขาได้ประกาศในช่วงการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปียังคงปรับตัวขึ้นเหนือระดับ 4.6% ขณะที่นักลงทุนจับตารายงานการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) ประจำวันที่ 17-18 ธ.ค. ซึ่งจะบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ
ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเปิดเผยรายงานการประชุมประจำวันที่ 17-18 ธ.ค.ในวันพรุ่งนี้ ซึ่งในการประชุมดังกล่าว เฟดส่งสัญญาณชะลอการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้เหลือเพียง 2 ครั้ง จากเดิมที่มีการคาดการณ์ 4 ครั้ง
นอกจากนี้ ตลาดจับตาข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) ในวันนี้ และตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนจาก ADP ในวันพรุ่งนี้ ก่อนที่จะเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรในวันศุกร์
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นเพียง 154,000 ตำแหน่งในเดือนธ.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น 227,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ย. และคาดว่าอัตราว่างงานทรงตัวที่ระดับ 4.2%