ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันอังคาร (7 ม.ค.) หลังจากสหรัฐฯ เปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง ซึ่งทำให้นักลงทุนคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ชะลอการปรับลดอัตราดอกเบี้ย
ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.26% แตะที่ระดับ 108.549
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 157.78 เยน จากระดับ 157.54 เยนในวันจันทร์ (6 ม.ค.), แข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9086 ฟรังก์ จากระดับ 0.9045 ฟรังก์ และแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.4347 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.4337 ดอลลาร์แคนาดา
ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.0355 ดอลลาร์ จากระดับ 1.0388 ดอลลาร์ ส่วนเงินปอนด์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.2490 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2513 ดอลลาร์
กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดผยผลสำรวจการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) พบว่า ตัวเลขการเปิดรับสมัครงานซึ่งเป็นมาตรวัดอุปสงค์ในตลาดแรงงาน เพิ่มขึ้น 259,000 ตำแหน่ง สู่ระดับ 8.098 ล้านตำแหน่งในเดือนพ.ย. จากระดับ 7.839 ล้านตำแหน่งในเดือนต.ค. และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 7.70 ล้านตำแหน่ง
ทางด้านสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคบริการของสหรัฐปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 54.1 ในเดือนธ.ค. จากระดับ 52.1 ในเดือนพ.ย. และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 53.3
สัญญาณที่บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจยังคงแข็งแกร่งได้ส่งผลให้การคาดการณ์เกี่ยวกับช่วงเวลาที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในปีนี้ถูกเลื่อนออกไป โดยเครื่องมือ FedWatch ของ CME Group ระบุว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งต่อไปมีแนวโน้มจะเกิดขึ้นในเดือนมิ.ย. และจากนั้นเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้จนถึงสิ้นปี 2568
นักลงทุนจับตารายงานการประชุมประจำวันที่ 17-18 ธ.ค.ของเฟดซึ่งจะมีการเปิดเผยในวันนี้ (8 ม.ค.) และตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ ในวันศุกร์นี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรจะเพิ่มขึ้นเพียง 154,000 ตำแหน่งในเดือนธ.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น 227,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ย. และคาดว่าอัตราว่างงานทรงตัวที่ระดับ 4.2%