ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าอย่างต่อเนื่องเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันพฤหัสบดี (9 ม.ค.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่านโยบายของโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ อาจส่งผลให้เงินเฟ้อปรับตัวสูงขึ้นและทำให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ชะลอการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้
ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.08% แตะที่ระดับ 109.180
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9126 ฟรังก์ จากระดับ 0.9117 ฟรังก์ในวันพุธ (8 ม.ค.) และแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.4392 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.4389 ดอลลาร์แคนาดา แต่ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 158.11 เยน จากระดับ 158.46 เยน
ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.0299 ดอลลาร์ จากระดับ 1.0309 ดอลลาร์ ส่วนเงินปอนด์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.2309 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2357 ดอลลาร์
ดัชนีดอลลาร์แข็งค่าติดต่อกันเป็นวันที่ 3 ท่ามกลางกระแสคาดการณ์ที่ว่านโยบายของทรัมป์จะส่งผลให้เงินเฟ้อพุ่งขึ้นและทำให้เฟดชะลอการปรับลดอัตราดอกเบี้ย โดยสำนักข่าว CNN รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวระบุว่า ทรัมป์มีแผนที่จะประกาศภาวะฉุกเฉินทางเศรษฐกิจแห่งชาติ เพื่อให้เขามีอำนาจในการใช้นโยบายตั้งกำแพงภาษีนำเข้าตามที่ได้สัญญาไว้ในช่วงการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง
เฟดเปิดเผยรายงานการประชุมนโยบายการเงินประจำวันที่ 17-18 ธ.ค. เมื่อวันพุธที่ผ่านมา โดยระบุว่าบรรดาเจ้าหน้าที่เฟดได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อและผลกระทบที่อาจเกิดจากนโยบายของทรัมป์ พร้อมกับส่งสัญญาณว่าจะชะลอการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ ในวันนี้ เพื่อประเมินแนวโน้มตลาดแรงงานและทิศทางอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด)
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรจะเพิ่มขึ้นเพียง 154,000 ตำแหน่งในเดือนธ.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น 227,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ย. และคาดว่าอัตราว่างงานจะทรงตัวที่ระดับ 4.2%