ตลาดคริปโทเคอร์เรนซีคึกคักเป็นพิเศษทันทีที่โดนัลด์ ทรัมป์ เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาคนที่ 47 อย่างเป็นทางการ โดยเฉพาะเหรียญมีมใหม่ที่ใช้ชื่อว่า "$TRUMP" ซึ่งเพิ่งเปิดตัวเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (17 ม.ค.)
ราคาของเหรียญ $TRUMP พุ่งทะยานขึ้นอย่างรวดเร็ว จากราคาเริ่มต้นที่ไม่ถึง 10 ดอลลาร์สหรัฐ ขึ้นไปแตะจุดสูงสุดที่ 74.59 ดอลลาร์สหรัฐฯ ภายในระยะเวลาเพียงไม่กี่วัน ก่อนจะย่อตัวลงมา โดยล่าสุดมีการซื้อขายอยู่ที่ 33.88 ดอลลาร์สหรัฐ อ้างอิงข้อมูลจากคอยน์เกกโก (CoinGecko)
ปรากฏการณ์ราคาที่พุ่งสูงขึ้นของเหรียญ $TRUMP นี้ ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากกระแสคาดการณ์ว่า รัฐบาลของทรัมป์จะมีนโยบายสนับสนุนอุตสาหกรรมคริปโทฯ ซึ่งแตกต่างจากรัฐบาลชุดก่อนหน้าอย่างชัดเจน บรรยากาศการลงทุนที่คึกคักนี้ยังส่งผลให้บิตคอยน์ (Bitcoin) สกุลเงินดิจิทัลอันดับหนึ่งของโลก มีราคาพุ่งขึ้นทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 109,071 ดอลลาร์สหรัฐ ในวันเดียวกับที่ทรัมป์สาบานตนเข้ารับตำแหน่ง ก่อนที่ราคาจะมีการปรับฐานลงมาอยู่ที่ระดับ 101,867.40 ดอลลาร์สหรัฐ
นอกเหนือจากความเคลื่อนไหวของเหรียญ $TRUMP แล้ว ยังมีโปรเจกต์คริปโทฯ อีกแห่งหนึ่งที่มีความเชื่อมโยงกับทรัมป์ นั่นคือ "เวิลด์ ลิเบอร์ตี ไฟแนนเชียล" (World Liberty Financial) ซึ่งประกาศความสำเร็จในการระดมทุนจากการขายโทเค็นครั้งแรก (Initial Token Sale) ได้เป็นจำนวนเงินสูงถึง 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และยังเปิดเผยถึงแผนการที่จะออกโทเค็นเพิ่มเติมในอนาคตอีกด้วย
กรเซกอร์ซ ดรอซด์ซ นักวิเคราะห์ตลาดจากบริษัทโคโนท็อกเซีย (Conotoxia) ให้ความเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์นี้ว่า "ช่วงนี้ตลาดคริปโทเคอร์เรนซีได้รับความสนใจเพิ่มมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เหตุผลหลัก ๆ ก็เป็นเพราะว่ามีการเปิดตัวเหรียญใหม่สองเหรียญ คือ TRUMP และ MELANIA (เหรียญมีมจากเมลาเนีย ทรัมป์ ผู้เป็นภรรยา ที่เปิดตัวตามมาในภายหลัง) ก่อนการเข้ารับตำแหน่ง"
ด้านแมทธิว ดิบบ์ ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุนของบริษัทแอสโทรนอต แคปปิตอล (Astronaut Capital) แสดงความเห็นที่แตกต่างออกไปว่า "ผมมองว่าในระยะสั้น ๆ แบบนี้ มีความเป็นไปได้ที่ราคาเหรียญจะร่วงลงมา เนื่องจากนักลงทุนจำนวนมากจะพากันขายเหรียญออกมาเพื่อทำกำไร นอกจากนี้ นักลงทุนเองก็ยังคงเฝ้ารอดูความชัดเจนเกี่ยวกับนโยบายด้านคริปโทฯ ของทรัมป์ว่าจะออกมาในรูปแบบใด"
"ตอนนี้ราคาบิตคอยน์เองก็เริ่มร่วงลงมาแล้ว ผมคิดว่าหลังจากนี้ตลาดน่าจะยังคงมีความผันผวนสูงอยู่ และมีแนวโน้มว่าราคาอาจจะร่วงลงไปอีก" ดิบบ์กล่าว
ขณะเดียวกัน จัสติน ดาเน็ธทัน นักวิเคราะห์คริปโทฯ อิสระในฮ่องกงได้ให้มุมมองว่า "ถึงแม้ว่าเราอาจจะมองว่านี่เป็นแค่การแสดงของทรัมป์อีกครั้ง แต่การเปิดตัวเหรียญทรัมป์อย่างเป็นทางการ มันเหมือนเป็นการเปิดกล่องแพนโดราที่เต็มไปด้วยคำถามเกี่ยวกับจริยธรรมและกฎระเบียบต่าง ๆ เลยทีเดียว"
ทั้งนี้ เหรียญ TRUMP และ MELANIA ถูกสร้างขึ้นบนบล็อกเชนของโซลานา (Solana) ซึ่งส่งผลให้ราคาเหรียญโซลานาพุ่งขึ้นตามไปด้วย โดยสามารถทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 294.33 ดอลลาร์สหรัฐฯ เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (19 ม.ค.)
สำหรับการถือครองเหรียญ $TRUMP นั้น ข้อมูลระบุว่า ประมาณ 80% ถือครองโดยซีไอซี ดิจิทัล (CIC Digital) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของทรัมป์ และอีกส่วนหนึ่งถือครองโดยบริษัทที่ชื่อว่า ไฟต์, ไฟต์, ไฟต์ (Fight, Fight, Fight)
ทางเว็บไซต์ของเหรียญ $TRUMP ระบุว่า เหรียญนี้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อแสดงออกถึงการสนับสนุนอุดมการณ์และความเชื่อของทรัมป์เท่านั้น ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อการลงทุนหรือเป็นหลักทรัพย์แต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม การเปิดตัวของเวิลด์ ลิเบอร์ตี ไฟแนนเชียล ก่อนช่วงเวลาการเลือกตั้งในสหรัฐฯ เพียงสองเดือน ประกอบกับการเปิดตัวเหรียญมีมของทรัมป์นั้น ได้ก่อให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับประเด็นเรื่องจริยธรรมและเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน เนื่องจากมีบุคคลสำคัญหลายคนในรัฐบาลของทรัมป์ที่มีความเชื่อมโยงกับอุตสาหกรรมคริปโทฯ
ดรอซด์ซจากโคโนท็อกเซียยังได้กล่าวย้ำเตือนนักลงทุนด้วยว่า "เหรียญมีมอย่างเช่นเหรียญเหล่านี้ เป็นเหรียญที่มีความผันผวนของราคาสูงมาก ดังนั้น เราจึงจัดให้เหรียญเหล่านี้เป็นสินทรัพย์เพื่อการเก็งกำไร"
ด้านดาเน็ธทันเสริมว่า เหรียญของทรัมป์เหรียญนี้เป็นการนำเอาเรื่องของสินทรัพย์ดิจิทัลเข้ามาผสมผสานกับเรื่องของการเมือง ซึ่งก็ส่งผลให้ "เส้นแบ่งระหว่างการบริหาร ผลกำไร และอิทธิพล มันเบลอไปหมด"
อนึ่ง จนถึงขณะนี้ ทรัมป์ยังไม่ได้ประกาศนโยบายที่เกี่ยวข้องกับคริปโทฯ ออกมาอย่างเป็นทางการในวันแรกของการดำรงตำแหน่งตามที่หลายฝ่ายคาดหวังเอาไว้